โรคเบาจืด

เราคุ้นเคยกับกลุ่มอาการของผู้ป่วยที่มีภาวะของน้ำตาลอยู่ในเลือดสูง ที่เราเรียกว่า เบาหวาน ใครที่มีเครือญาติเป็นโรคนี้  ย่อมมีโอกาสเป็นกับตนเองได้ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า มีอาการของกลุ่มโรคอีกชนิดหนึ่ง  ที่ความรุนแรงของผู้เป็นโรคนี้ ก็สุดแสนจะบรรยาย  กลุ่มอาการของโรคดังกล่าว คือ โรคเบาจืด ใช่ไม่ได้เขียนผิด  ชื่อโรคฟังไม่คุ้นหูแต่มีอยู่จริง เป็นภาวะที่ผู้ป่วย ปัสสาวะในปริมาณที่มากกว่า 2.5 ลิตร/วัน

ซึ่งโดยปกติปกติบุคคลทั่วไป จะปัสสาวะไม่เกินวันละ 2 ลิตร/วัน นั่นจึงเป็นสาเหตุของอาการขาดน้ำ ปัสสาวะจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะเจือจางมาก เนื่องจากมีการปัสสาวะบ่อย

โดยทั่วไปจะพบผู้ป่วยในกลุ่มอาการของโรคนี้ไม่มาก สาเหตุที่กรมการแพทย์รายงาน พบมากที่สุด มาจากสาเหตุของความผิดปกติของสมองส่วนต่อมใต้สมอง  ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อจากการการผ่าตัด     จนทำให้สมองไม่สั่งให้ร่างกาย  สร้างฮอร์โมนที่ควบคุมการปัสสาวะเหมือนคนทั่วไป อีกสาเหตุหนึ่งที่พบรองลงมา คือ จากความผิดปกติของไต ที่ไม่สามารถดูดซึมน้ำกลับเข้าร่างกายในระดับที่สมดุลได้  และสาเหตุของสภาวะทางจิตใจ รวมถึงสาเหตุของผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาซ้ำนาน ๆ     

จากสาเหตุของการปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมาก จึงส่งผลโดยตรงกับร่างกาย คือ เกิดภาวะอ่อนเพลีย ซึ่งเกิดจากการเสียเกลือแร่เมื่อปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะบ่อยจึงส่งผลให้พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือลุกลามไปถึงเกิดปัสสาวะรดที่นอน  เนื่องจากเกิดภาวะกลั้นไม่อยู่ขณะนอนหลับ ผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มอาการของโรค เบาจืด เมื่อสังเกตที่บริเวณผิวหนัง จะแห้ง หรือปากคอก็แห้งไปด้วย  มีอาการวิงเวียนศีรษะ ร่วมมาด้วย หากไปพบแพทย์ก็จะตรวจพบ ภาวะความดันโลหิตต่ำ และหัวใจเต้นเร็วด้วย หากเป็นหนักขึ้น ก็จะพบ อาการวิงเวียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตะคริวบ่อย รวมไปถึงอาการปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะบ่อย ๆ

แล้วถามว่า จะรักษาอย่างไร กลุ่มอาการนี้ จะรักษาตามสาเหตุของการเกิดโรค เช่น หากเกิดจากการทำงานของสมองที่ทำงานผิดปกติ แพทย์ก็จะรักษาที่ต้นเหตุ เช่น การรักษาเนื้องอก  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือการรักษามะเร็งสมอง แต่หากเกิดจากฮอร์โมนในร่างกายบกพร่อง แพทย์ก็จะรักษาด้วยวิธี ให้ยากิน การฉีด และการพ่นจมูก เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณฮอร์โมนที่จะส่งผลต่อการควบคุมร่างกายให้ทำงานปกติ

ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาจืด ที่เกิดจากสาเหตุการกระหายน้ำมาก ๆ ทั้งที่ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอแล้ว แพทย์ก็จะรักษาทางจิตเวชโดยจำกัดปริมาณน้ำดื่มของผู้ป่วย และประการสุดท้าย หากโรคเบาจืดที่เกิดจากผลข้างเคียงจากยาที่ใช้กับโรคอื่น แพทย์ก็จะหยุดยา และหาวิธีทดแทนการรักษาโรคนั่น ๆ

 

 

สนับสนุนโดย  หวยฮานอยเล่นยังไง

แผลร้อนในกับวิธีการช่วยให้แผลนั้นหายไว

การที่เรานั้นเป็นแผลร้อนในที่ทำให้เรานั้นแสบทุกครั้งที่เรานั้นจะรับประทานอาหารและเรานั้นก็รู้สึกได้ว่าเรานั้นแผลที่หลายคนนั้นคิดว่าการเป็นแผลร้อนในกันมาบ้างเพราะว่าแผลร้อนในเชื่อเชื่อว่าหลายคนนั้นต้อเคยเป็นซึ่งบางคนนั้นอาจจะเป็นบ่อยแต่ว่าบางคนนั้นก็อาจจะไม่ค่อยเป็นซึ่งการเป็นร้อนในนั้นมีใครรู้บ้างว่าเกิดจากอะไร แล้วต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะให้หายเร็วๆมาดูวิธีกัน  

สาเหตุของแผลร้อนใน 

แผลร้อนในหรือว่าเป็นแผลในช่องปากนั้นเกิดจากเยื่อในช่องช่องปากนั้นเกิดอาการอักเสบ จึงทำให้เรานั้นเป็นแผลในบางครั้งนั้นเราเป็นแผลที่อักเสบที่ค่อนข้างลึก ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในทั่วช่องปากไม่ว่าจะเป็นกระพุ้งแก้ม เพดานปาก  เหงือก  ลิ้น นั้นเมื่อเราเป็นนั้นจะรู้ว่าไม่ว่าเรานั้นจะกินอะไรก็แล้วแต่นั้นจะเกิดอาการอักเสบหรือว่าแสบทั่วปากเวลาที่จะกินน้ำนั้นก็ทำให้เรานั้นรู้สึกว่าแสบปากมากแต้พอเมื่อเรากินของที่เรานั้นชอบบอกเลยว่าโครตทรมานอย่างมากเพราะว่ากินได้แต่ก่อนที่เรานั้นกินจะมีอาการแสบ บางครั้งกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าแสบจนน้ำตานั้นไหลเลยก็ว่าได้

วิธีรักษาแผลร้อนในให้หายเร็วๆ 

 

  • เรานั้นบ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุกๆ2 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้แผลนั้นร้อนและระคายเคือง และทำให้แห้งตึงมากจนเกินไป
  • ควรที่จะเลือกใช้แปลงสีฟันที่มีขนนุ่มวันละ 2 ครั้งหลังที่เรานั้นรับประทานอาหาร 
  • แต่หากว่าเรานั้นเป็นแผลที่ปากค่อนข้างวใหญ่นั้นให้เรานั้นใช้ผ้านั้นม้วนที่นิ้วแต่ว่าต้องเป็นผ้าที่สะอาดพันไว้ที่ปลายนิ้วแล้วเช็ดทำความสะอาดฟันและเหงือก และซอกฟันแทนการแปลงฟัน 
  • เลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อที่จะป้องกันฟันผุ 
  • เราควรที่เลือกอาหารการกินที่เป็นอาหารอ่อน
  • ไม่ควรที่เรานั้นจะกินอาหารที่มีรสชาติเผ็ดหรือว่าเค็มมากเกิน หรือว่าเปี้ยว 
  •  ไม่ควรที่จะกินอาหารที่เย็นและก็ร้อน 
  • เราก็ควรที่ไม่กินแอลกอฮอลและก็ไม่ควรที่จะดูดบุหรี่ หมากพูลเป็นต้น 
  • เรานั้นควรที่จะกินน้ำผลไม้ที่ไม่แยกกากเพื่อที่จะป้องกันเมื่อเรานั้นเกิดอาการเจ็บปากแล้วกินไม่ได้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก 
  • เราต้องพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง 
  • เราควรที่จะออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือว่า 1 ชั่วโมงอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง 
  • เราควรที่จะกินน้ำให้เพียงพอและเรานั้นต้องตรวจดูว่าฉี่ของเรานั้นเป็นสีอะไร 

 

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยฮานอย เว็บไหนดี

โรคเสียคนตอนแก่           

           เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า คนเรามีภาวการณ์เปลี่ยนแปลงด้านจิตใจจากเด็กไปเป็นวัยรุ่นและเปลี่ยนจากวัยรุ่นไปเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในช่วงของการปรับตัวนี้ สภาวะจิตใจของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป แต่ไม่ใช่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากวัยรุ่นมาเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นยังมีการเปลี่ยนแปลงของจิตใจในช่วงที่เป็นผู้ใหญ่ได้ด้วย เรียกว่า วิกฤตวัยกลางคืน หลายคนคงเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกใช่ไหมคะ วิกฤตวัยกลางคน

คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจในคนที่มีอายุระหว่าง 35-50 ปี  ซึ่งเป็นได้ทั้งชายและหญิง โดยอาการนี้เกิดขึ้นได้จากการที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ร่างกายไม่กระฉับกระเฉงเหมือนตอนเป็นหนุ่มสาวทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง และเกิดจากการกดดันตัวเองที่ให้คนอื่นประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ตัวเองยังคงอยู่กับที่ ทำให้ไม่พอใจกับชีวิตของตัวเอง จนทำให้รู้สึกท้อแท้หมดหวังในชีวิต เริ่มรู้สึกสับสนในตัวเอง และมักจะน้อยใจเมื่อคนรอบข้างให้ความสำคัญตัวเองน้อยลง และจะเริ่มรู้สึกผิดหวังกับคนรอบข้าง คิดว่าคนรอบข้างไม่รัก รวมถึงบางคนมีความคิดอยากกลับไปเป็นหนุ่มสาวอีกครั้งถึงขนาดเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่นไปทำศัลยกรรม หรือพยายามแต่งตัวให้ดูเด็ก

            หากต้องการทราบว่าเรากำลังเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังจะตกเป็นผู้ที่เป็นวิกฤตวัยกลางคนหรือไม่ สังเกตได้จาก หากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเราจะตื่นตูมจนดูโอเวอร์ เริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้างและชอบตั้งคำถามให้ตัวเองว่าเราอายุขนาดนี้แล้ว มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง เริ่มเห็นคนอื่นเก่งกว่าตัวเองแล้วนำมาเปรียบเทียบให้ตัวเองเสียใจ จนรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจในการทำงานและการดำเนินชีวิต รู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมาย คนในครอบครัวไม่รัก และเริ่มอยากจะกลับไปเป็นช่วงวัยรุ่นที่ยังมีคนให้ความสนสำคัญให้ความสนใจ 

          หากไม่อยากต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤตวัยกลางคน ควรดูแลตัวเอง ด้วยการคิดบวก ไม่ต้องเปรียบเทียบชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองกับใคร เมื่อมีปัญหาให้ปรึกษาคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด อย่าพยายามคิดเองคนเดียว มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจก็ให้ระบายออกมาอย่าเก็บไว้ พยายามตั้งสติตลอดเวลาอย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หาเวลาว่างไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาไปออกกำลัง หากรู้สึกเบื่อก็ลองหาอะไรทำ เช่นนัดเจอเพื่อนเก่าๆสมัยเรียน 

        อาการวิกฤตวัยกลางคน จะไม่เกิดขึ้นกับเราเลย หากเราทำได้อย่างที่กล่าวมาข้างต้น การทำชีวิตให้มีความสุข ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่การพักผ่อนและหมั่นออกกำลัง จะทำให้กำลังใจของคุณดีขี้นและคุณก็จะห่างไกลกับคำว่าวิกฤตวัยกลางคนแน่นอน 

 

สนับสนุนโดย  รวมเว็บหวยออนไลน์

ประโยชน์ของผักคะน้า

ประโยชน์ของผักคะน้าที่เราคิดว่าหลายคนนั้นคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ว่าเอามาผัดใส่กับเนื้อสัตว์นั้นก็อาร่อยและยังทำได้อีกหลายเมนูไม่ว่าจะต้ม  หรือชุปแป้งทอดนั้นเราก็สามารถที่จะเลือกทำได้อยู่ที่เราจะเอามาดัดแปลงว่าเราจะทำอาหารอะไรกันอย่างอาหารที่เราจำเป็นต้องมีคะน้านั้น   อย่างเช่น  ผัดซีอิ้ว   ราดหน้า  ข้าวผัด  ผัดคะน้าหมูกรอบ  คะน้าปลาเค็มอย่างนี้เป็นต้น นอกคะน้านั้นเป็นผักที่เราหาซื้อได้ง่ายแล้วตามท้องตลาดนั้นเรายังสามารถที่จะปลูกกินเองก็ได้  เพราะว่าคะน้านั้นเต็มไปด้วยอุดมสารประโยชน์มากมายที่เราเชื่อว่าหลายคนนั้นยังไม่รู้  

  เรามารู้จักผักคะน้ากันค่ะ 

คะน้าเป็นผักที่เราคุ้นเคยนั้นเป็นต้น   คะน้านั้นเป็นต้นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย  ซึ่งนิยมที่จะป,กในประเทศจีน ใต้หวัน  ฮ่องกง  มาเลเซีย  และไทย  ซึ่งต้นนั้นเป็นต้นใหญ่อวบๆ ลำต้นสีเขียวแต่ใบนั้นเป็นสีเขียวเข้มซึ่งเรานั้นสามารถที่จะกินได้ทั้งต้นและใบ ซึ่งเรานั้นสามารถที่จะกินได้  และการที่เราเอาต้นและใบนั้นมาทำกับข้าวกิน

ประโยชน์ของผักค้า    คะน้านั้นเป็นผักที่รวมจำพวกแร่ธาตุ  วิตามิน  และสารอาหารนั้นมากมาย  โดยเฉพาะตรงยอดอ่อนนั่นเองที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและเกลือแร่  ซึ่งคะน้านั้นมีประโยชน์อีกมากมายที่เราเชื่อว่าหลายคนนั้นก็ยังไม่รู้  

  1. ช่วยป้อนกันโรคมะเร็ง  คะน้านั้นอุดมไปด้วยคุณสมบัติการต้านเซลล์มะเร็งและยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันซึ่งยังช่วยในเรื่องของการช่วยลดอาการอักเสบของเนื้อเยื้อ  และยังช่วยลดอาการเสี่ยงของอาการที่เราเจ็บป่วยนั้นได้อีกด้วย   การที่เลือกกินคะน้านั้นเป็นประจำก็จะเป็นการช่วยให้เรานั้นไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง  และลำไส้ใหญ่  กระเพาะอาหาร  ปอด  และเต้านมอีกด้วย  
  2. ช่วยในเรื่องการป้องกันเรื่องโรคโลหิตจาง    คะน้านั้นมีใครรู้บ้างว่าคะน้านั้นช่วยในเรื่องการป้องกันการเกิดโรคจางเนื่องจากผักนั้นมีธาตุเหล็กและฟอสฟอรัส  ซึ่งช่วยในเรื่องของการช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือด  และก็บำรุงเลือด  เพื่มการไหลเวียนของเลือดนั้นดีขึ้น  
  3. ช่วยป้อนกันโรคต้อกระจก  การที่เรากินคะน้านั้นช่วยในการลดอาการเสี่ยงของการเป็นต้อกระจกนั้นด้วย   
  4. ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน  การที่เรากินคะน้าเป็นการที่เราช่วยในเรื่องของเรื่องกระดูกพรุนมีใครนั้นรู้บ้างการที่เรากินคะน้าจะช่วยในเรื่องนี้  การที่เรากินคะน้าและนมจะช่วยในการเรื่องการป้องกันของแคลเซี่ยมนั่นเอง การที่เรากินคะน้า  1 ถ้วย  เท่ากับการที่เรากินนมหนึ่งแก้ว   ส่วนใครที่ไม่ชอบทานนมนั้นก็ลองหันมากินคะน้าแทนแล้วกัน   

 

สนับสนุนโดย   ซื้อหวยลาว4ตัว

สาเหตุของขี้หูอุดตันที่พบบ่อยที่สุด

สาเหตุของขี้หูอุดตันที่พบบ่อยที่สุด คือ การใช้ไม้พันสำลีทำความสะอาดรูหูจะยิ่งกระตุ้นให้ต่อมสร้างขี้หูทำงานเพิ่มขึ้น มีปริมาณขี้หูที่ผลิตออกมามากขึ้น และอาจดันขี้หูเข้าไปด้านในลึกขึ้น ถ้าปั่นหูแรงๆ อาจทำให้หูชั้นนอกถลอก อักเสบ ติดเชื้อได้ เนื่องจากผิวหนังภายในรูหูนั้นเปราะบางมาก และอาจทำให้เยื่อแก้วหูบาดเจ็บ หรือทะลุได้ ดังนั้นถ้าสงสัยว่ามีขี้หูอุดตัน

ควรไปพบแพทย์ โดยแพทย์จะใช้เครื่องส่องหูตรวจหูชั้นนอกว่าเป็นขี้หูอุดตัดหรือไม่ ถ้าเป็นขี้หูอุดตันจริงแพทย์จะพยายามนำขี้หูออกให้ เช่น ใช้วิธีล้างช่องหูชั้นนอกด้วยน้ำเกลือ การคีบ การใช้เครื่องมือ แคะขี้หูออก หรือดูดออกด้วยเครื่องดูด แต่ถ้าไม่สามารถเอาขี้หูออกได้ เนื่องจากอัดแน่นมากหรือออกได้เพียงบางส่วน แพทย์จะสั่งยาละลายขี้หู หรือยาหยอดที่ทำให้ขี้หูอ่อนตัวไปหยอดที่บ้าน  

ขี้หูอุดตันเกิดจากอะไร ปกติคนเราจะมีขี้หูและสามารถกำจัดขี้หูได้เอง แล้วทำไมยังเกิดภาวะขี้หูอุดตันขึ้นมาได้ สาเหตุที่ทำให้ขี้หูอุดตันมีดังนี้ 

1.ร่างกายผลิตขี้หูมากเกินไป 

2.รูปทรงหูแคบ หรือมีรูปทรงที่ไม่เอื้อต่อการกำจัดขี้หู 

3.การใช้สำลีแคะหู หรือทำความสะอาดรูหูบ่อยๆ อาจทำให้ขี้หูถูกดันเข้าไปในหูชั้นลึกได้ ก่อให้เกิดอาการขี้หูอุดตันได้ง่ายกว่าเดิม 

4.คนที่ใส่หูฟัง หรือใส่ที่อุดหูเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดภาวะขี้หูอุดตันได้ง่ายขึ้น 

ขี้หูอุดตันอาการเป็นอย่างไร หากมีภาวะขี้หูอุดตันอาจสังเกตอาการง่ายๆ ดังนี้ 

4.1.หูอื้อบ่อยๆ 

4.2.ปวดหน่วงๆที่หู 

4.3.ได้ยินเสียงไม่ชัด 

4.4.มีเสียงในหู 

4.5.มีของเหลวไหลออกมาจากหู 

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  เครื่องช่วยฟัง

โควิดทำพิษ ขนาดหวยยังขายไม่ได้

        ในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสอยู่ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบกันเป็นจำนวนมากไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ได้รับผลกระทบด้วยกันเกือบทั้งสิ้นขนาดการซื้อขายหวยก็ยังได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกันเลยเราจะเห็นได้ว่าลอตเตอรี่ของรัฐบาลในงวดที่จะต้องออกในวันที่ 1 เมษายนปีพศ 2563 ถูกประกาศให้เลื่อนการประกาศรางวัลออกไปโดยจะมีการประกาศอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 2 พฤษภาคมปีพศ. 2563

โดยเหตุผลในการขอเลื่อนการประกาศรางวัลลอตเตอรี่ที่ออกไปนั้นก็เพราะว่าผู้ค้าขายลอตเตอรี่ได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่สามารถขายลอตเตอรี่ที่รับมาได้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ออกนอกบ้านมาซื้อล็อตเตอรี่รวมถึงหลายคนไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อล็อตเตอรี่ในช่วงนี้นอกจากขอหวยจะไม่ได้ซื้อล็อตเตอรี่เลยช่วงนี้แล้วการซื้อขายหวยผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันโดยปกติแล้วในเว็บไซต์ขายหวยออนไลน์นั้นจะมีทั้งหวยฮานอย   หวยลาว   หวยยี่กี ซื้อหวยพวกนี้จะมีการเปิดขายกันทุกวันทุกสัปดาห์แต่หลังจากที่ประเทศลาว ประเทศเวียดนาม

ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เหมือนกันกลับมาที่ประเทศไทยได้รับจึงทำให้ทั้งประเทศลาวและประเทศเวียดนามเองก็มีการปิดการประกาศผลรางวัลของตนเองเช่นเดียวกันซึ่งผลกระทบนี้ก็ส่งตรงมาถึงเว็บไซต์ขายหวยของไทยที่นำหวยของเราและของเวียดนามมาให้ลูกค้าคนไทยซื้อโดยตอนนี้ผลกระทบนั้นจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 เมษายนถึง 15 เมษายนปีพศ. 2563

ซึ่งถ้าสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้คาดว่าวันที่ 16 เมษายนก็จะมีการเปิดให้ขายหวยกันตามปกติแต่ถ้าหากรัฐบาลของแต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็นของไทย ของประเทศลาว หรือแม้แต่ของประเทศเวียดนามยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ก็จะทำให้การค้าขายหวยยังต้องชะลอตัวต่อไป 

ซึ่งเราเองก็ไม่สามารถที่จะไปซื้อหวยได้เพราะในเว็บไซต์ สมัครเว็บหวยฮานอย เองก็ไม่ได้มีการเปิดขายซึ่งถ้าจากข้อมูลในตอนนี้ที่มีการขายหวยอยู่ในขณะนี้นั้นจะเป็นหุ้นซึ่งยังเปิดขายให้กับลูกค้าตามปกติแต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยนิยมการเล่นหุ้นกันมากนักดังนั้นตอนนี้ธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของการขายหวยจึงถือว่าได้รับผลกระทบกับธุรกิจอื่นๆเลยทีเดียวนอกจากจะกระทบต่อเจ้าของธุระกิจขายหวยแล้วยังกระทบต่อคนที่เล่นหวยซึ่งต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วถึงจะสามารถซื้อหวยได้  ตอนนี้หากใครที่อยากซื้อหวย คงต้องลองหัดเล่นหวยหุ้นกันไปก่อน เพราะหวยอื่นๆต่างก็หยุดการซื้อขายกันในช่วงนี้ 

มารู้จักผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ที่ไม่มีชื่อลงท้ายเบอร์รี่กันเถอะ

อยากที่เรารู้กันดีว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีมากมายหลายสายพันธุ์และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ทั้งนั้นทั้งช่วยในการดูแลผิวพรรณ บำรุงสมองรวมถึงต้านการเกิดโรคมะเร็งและช่วยในเรื่องของคำจำดี บำรุงสายตาและยังมีประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย ซึ่งหากเรารวบรวมผลไม้ตระกูลเบอร์รีออกมาแบ่งออกมาได้ถึง 9 ชนิดด้วยกัน หลายคนอาจจะเข้าใจว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่น่าจะต้องลงท้ายด้วยคำว่าเบอร์รี่ทั้งหมด เช่น สตรอเบอร์รี่  แบล็กเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้วผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ยังมีอีกหลายชนิดที่ไม่ได้ลงท้ายด้วยเบอร์รี่ด้วย

วันนี้เราจึงมาแนะนำให้รู้จักกันว่ามีผลไม้อะไรที่อยู่ในตระกูลเบอร์รี่ที่ไม่มีชื่อลงท้ายว่าเบอร์รี่ และผลไม้เหล่านั้นมีประโยชน์ยังไงได้บ้าง

  1. Blackcurrant   สำหรับผลไม้ที่เราเรียกชื่อว่า แบล็คเคอร์แรนท์นั้น จะมีผลไม้ที่นิยมปลูกันมากในแถบทวีปยุโรปกลางและเหนือ โดยมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า RIbes nigrum ซึ่งแบล็คเคอร์แรนท์ จะมีลักษณะเป็นลูกกลมๆเม็ดเล็กๆ ตัวผลของแบล็คเคอร์แรนท์มีลักษณะผิวเรียบเกลี้ยงโดยในส่วนปลายจะมีจุกของก้านติดต่อนิดนิด  และหากเราผ่าเข้าไปดูเมล็ดที่อยู่ด้านในจะเห็นว่าเมล็ดจะเป็นรูปทรงรี ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงเพราะจะมีรสเปรี้ยวอมหวาน กินแล้วจะรู้สึกชื่นใจเป็นอย่างมากเพราะเนื้อจะมีความนฉ่ำน้ำมากๆที่สำคัญมีประโยชน์กับร่างกายมากเพราะช่วยป้องกันเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ แถมยังช่วยบำรุงเลือด บำรุงระบบประสาท และยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งจากคุณสมบัติที่กล่าวมานี้ทำให้ แบล็คเคอร์แรนท์ถูกยกย่องให้เป็นที่สุดของผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ 
  2. Grape  หรือองุ่นที่คนไทยนิยมหาซื้อมารับประทานกันเป็นอย่างมาก องุ่นถือเป็นผลไม้ที่สามารถหาซื้อกินได้ทุกฤดูกาล องุ่นถือว่าเป็นผลไม้ที่อยู่ในตระกูลเบอร์รี่ด้วยเหมือนกัน สำหรับสรรพคุณขององุ่นนั้นสามารถให้ประโยชน์กับร่างกายมากมาย ทั้งเรื่องมีสารที่ช่วยต้านเกี่ยวกับมะเร็ง  สารที่สามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่มีการสร้างสารลดไขมันในเลือด เราสามารถกินองุ่นเพื่อช่วยให้เสริมสร้างหัวใจให้แข็งแรง และยังช่วยบำรุงสมอง บำรุงกำลังหากร่างกายอ่อนเพลีย ที่สำคัญสามารถแก้การหิวน้ำได้ด้วย จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่นิยมซื้อองุ่นไปเยี่ยมคนป่วยเพราะในองุ่นสามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและองุ่นยังสามารถซ่อมแซมร่างกายที่สึกเหรอได้ กินองุ่นแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่นดังนั้นองุ่นจึงเป็นที่นิยมกินทั่วโลก

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  relx pod น้ำยา

มากินผลไม้แก้ท้องผูกกันเถอะ 

ผู้คนส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาท้องผูกท้องอืดท้องเฟ้อถ่ายไม่ออกซึ่งอาจจะมาจากเหตุผลของการไม่ทานผักทานน้ำน้อยหรือเหตุผลอื่นๆอีกมากมายและโดยส่วนใหญ่แล้ววิธีการแก้ปัญหาท้องผูกโดยมากมักจะทำการซื้อยาบ่ายมากินเองเพื่อช่วยให้ท้องได้มีการระบายลมออกไปแต่ความเป็นจริงแล้วหากเรากินยาระบายไปบ่อยมันจะส่งผลให้ท้องเราก็เกิดความเคยชินหากวันไหนไม่ได้กินก็จะมีอาการท้องผูกเหมือนเดิม

ดังนั้นเราจึงควรหันมาทานผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องในการแก้ปัญหาท้องผูกจะทำให้เราได้คุณประโยชน์จากผลไม้นอกเหนือจากเรื่องของการแก้ท้องผูกได้ดีอีกด้วยมาดูกันว่ามีผลไม้อะไรบ้างที่น่าสนใจ 

1 ลูกพรุนผู้คนจำนวนมากคงรู้อยู่แล้วว่าลูกพรุนมีใหญ่อาหารออกจะเยอะแยะแล้วก็มีสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมายไก่กองเพราะฉะนั้นหากปรารถนาให้ทุกคนเป็นยาระบายควรจะกินลูกพรุนเพื่อจะได้ช่วยทำให้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการท้องผูกอีกต่อไปแถมการรับประทานลูกพรุนก็ทำให้ร่างกายรู้สึกดีอีกด้วย 

 2 น้ำส้มคั้นน้ำผลไม้ที่เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ใหญ่ผู้หญิงผู้ชายก็สามารถกินได้เพราะรสชาติแสน อร่อยหวานหน่อยหน่อยเปรี้ยวนิดนิดที่สำคัญน้ำส้มคั้นช่วยในเรื่องของการระบายท้องได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังมีวิตามินซีสูงจึงช่วยในเรื่องของผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอการรับประทานน้ำส้มคั้นที่ดีนั้นควรจะขันจากผลส้มแท้ 100% และใส่น้ำตาลเจือปนลงไปเพราะอาจจะทำให้ผู้ที่กินมีร่างกายที่อ้วนท้วนและมีน้ำตาลในเลือดสูงได้ 

3 กล้วยน้ำว้าคนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าการกินกล้วยน้ำว้าจะช่วยในเรื่องของการระบายท้องได้เป็นอย่างดีซึ่งเราสามารถหาซื้อกล้วยน้ำว้าได้ตามตลาดหรือตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปโดยผู้นำว้าจะมีราคาไม่สูงมากนักอีกทั้งยังมีประโยชน์กับร่างกายมากมายอีกด้วยดังนั้นการกินกล้วยน้ำว้าเพื่อช่วยในเรื่องของการระบายท้องจึงเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุดอีกอย่างหนึ่ง 

4 มะละกอสุกสำหรับใครหลายหลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามะละกอสุกเป็นผลไม้ที่กินง่ายและหาซื้อง่ายหรือบางครั้งไม่ต้องซื้อเลยเพราะส่วนใหญ่ผู้คนมักจะปลูกต้นมะกอกไว้ในบ้านอยู่แล้วเผื่อไว้ทำส้มตำหรือไม่ก็ไว้ทันสุขในมะละกอจะมีวิตามินซีสูงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงผิวพรรณเปล่งปลั่งนอกจากนี้การกินมาถึง มะละกอสุกสำหรับใครหลายหลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามะละกอสุกเป็นผลไม้ที่กินง่ายและหาซื้อง่ายหรือบางครั้งไม่ต้องซื้อเลยเพราะส่วนใหญ่ผู้คนมักจะปลูกต้นมะกอกไว้ในบ้านอยู่แล้วเผื่อไว้ทำส้มตำหรือไม่ก็ไว้ทันสุขในมะละกอจะมีวิตามินซีสูงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงผิวพรรณเปล่งปลั่งนอกจากนี้การกินมะละกอสุกจะทำให้คุณไม่เป็นโรคท้องผูกอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv

แช่น้ำอุ่น หรือน้ำเย็นดี หาก ปวดเท้า-ปวดขา เนื่องจากว่าเดิน-ยืนนานๆ

ขณะใดก็ตามที่พวกเรามีกิจกรรมที่จะต้องเดิน หรือยืนนานๆ ตัวอย่างเช่น เดินเล่นในบ้านนอก หรือต่างแดน และยังรวมไปถึงการเดินหรือวิ่งเพื่อการบริหารร่างกายสำหรับมือใหม่ที่อาจจะเป็นผลให้รู้สึกเจ็บปวดเมื่อยล้ากระทั่งทรมาทรกรรม หลายท่านก็เลยมักเดินเข้าห้องสุขา เปิดน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าแช่ขาในอ่างน้ำอย่างมีความสุข ในความเป็นจริงแล้วถ้าเกิดมีลักษณะอาการเมื่อยขา แล้วก็เท้าหลังจากเดิน หรือยืนนานๆ อย่างงี้ พวกเราควรจะแช่น้ำอุ่นหรือไม่นะ ?

บางทีอาจจะฟังมองแปลกไปสักนิด แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วถ้ามีลักษณะอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกล้ามเท้า แล้วก็ขาจากการเดิน หรือยืนนานๆ มาทั้งวัน ควรจะแช่เท้า รวมทั้งขาในน้ำเย็น เพราะเหตุว่าน้ำเย็นจะช่วยทำให้เส้นโลหิตหดตัว ช่วยลดสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการอักเสบ ก็เลยทำให้ลักษณะของการปวดบวมจากการอักเสบของกล้ามลดน้อยลงได้

ถ้าเกิดสงสัยว่าเพราะเหตุใดถึงใช้น้ำเย็น ทดลองดูพลาสเตอร์ปิดเท้า ปิดขาที่ขายอยู่ตามตลาดได้ มักเป็นแผ่นติดที่มีฤทธิ์เย็น เพราะว่าจะมีคุณลักษณะช่วยลดการอักเสบปวดบวมของกล้ามได้ดิบได้ดีนั่นเอง

แล้วพวกเราควรจะแช่เท้าในน้ำอุ่นตอนไหน ?
การแช่เท้าในน้ำอุ่นเป็นประโยชน์ในด้านของการคลายเครียด นอนง่าย ด้วยเหตุว่าน้ำอุ่นช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดต้องการบรรเทาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจนอนให้สบายในช่วงกลางคืน ทดลองแช่เท้าในน้ำอุ่นราว 36-38 องศาเซลเซียส ตรงเวลา 10-15 นาที ถูเท้าให้แห้ง หรือบางทีก็อาจจะทาครีมบำรุงสำหรับเท้าด้วย จะช่วยทำให้พวกเรารู้สึกบรรเทามากยิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ข้อควรระวังสำหรับเพื่อการแช่เท้าในน้ำ
– ไม่ว่าจะเป็นน้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ควรรอบคอบในเรื่องของความสะอาดของน้ำที่จะแช่เท้าด้วย

– สังเกตดูให้ดีก่อนว่าเท้ารวมทั้งขาที่จะสัมผัสกับน้ำมีผิวหนังส่วนไหนที่มีรอยแผลหรือเปล่า หากมี ยังไม่สมควรแช่น้ำ บางทีอาจใช้แนวทางประคบเย็น หรือร้อนแทนไปก่อน เพื่อคุ้มครองป้องกันแผลเปื่อยยุ่ย หรือแผลติดโรค

– อย่าผสมอะไรลงไปในน้ำไม่ดูตาม้าตาเรือ รวมทั้งน้ำมันหอมระเหยที่ไม่คุ้นเคย บางทีอาจเกิดอาการแพ้ได้

– คนเจ็บโรคเบาหวานไม่สมควรแช่เท้าในน้ำ เพราะว่าอาจมีประสาทรับความรู้สึกช้าจนถึงทำให้ไม่รอบคอบเรื่องของอุณหภูมิของน้ำที่สมควร แล้วก็อาจมีแผลที่ผิวหนังที่ผู้เจ็บไข้ไม่เคยทราบ

– ไม่สมควรแช่เท้าในน้ำร่วมกับคนอื่นๆ บางทีอาจเสี่ยงติดเชื้อได้

ปวดหูเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

คุณเคยอยู่ดีแล้วๆแล้วรู้สึกปวดหูขึ้นมาเฉยๆไหม แล้วไม่นานก็หายไปเอง

สำหรับอาการปวดหูนั้นจะมีความรู้สึกเจ็บข้างในหู บางคนอาจเจ็บหูข้างเดียวหรือบางคนเจ็บทั้งสองข้างก็มี ขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุที่ทำให้เราปวดหูมาจากอะไร โดยปกติแล้วอาการปวดหูมักจะมาพร้อมกันอาการอื่นเสมอ เช่น เมื่อเราปวดหูแล้วมักจะได้ยินเสียงหวี่ๆข้างในหู และอาจมีน้ำไหลออกมาจากรูหู หรือบางทีก็ทำให้เราได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดมากนัก

ซึ่งถ้าเด็กเล็กๆมีอาการปวดหูจะสังเกตได้จาก เด็กมักจะร้องไห้งอแง และชอบเอามือปัดที่หูตลอดเวลา

อาจะมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ และไม่ค่อยกินนม สำหรับการปวดหูนั้นหากพบว่ามีการปวดและเกินหนึ่งหรือสองวันแล้วยังไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ แต่หากเป็นเด็กเล็กหรือทารกนั้นก็รู้สึกว่าลูกมีอาการผิดปกติที่หูควรพาไปพบแพทย์ทันทีไม่ต้องรอ เพราะอวัยวะภายในของเด็กยังไม่แข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคมากพอ

ดังนั้นการพาไปให้แพทย์ตรวจรักษาจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด  สำหรับสาเหตุที่ทำให้ปวดหูนั้นอาจเกิดขึ้นได้ทั้งมาจาการที่เรามีปัญหาเกี่ยวกับหู หรือบางครั้งเรามีอาการอื่นที่ไม่เกี่ยวกับหูแต่ก็สามารถมีผลกระทบมาถึงหูได้ด้วยเช่นกัน เช่น 

  1. สาเหตุที่มาจากหู คือ หูมีการติดเชื้อหรืออักเสบ ไม่ว่าจะเกิดจากหูชั้นนอก ชั้นกลางหรือชั้นในมีผลทำให้เราปวดหูได้ทั้งหมด หรือการที่เราเกิดอุบัติเหตุแล้วมากระแทกบริเวณหู การเอาอะไรแหย่เข้าไปในหูทำให้หูด้านในได้รับบาดเจ็บ การมีแมลงหรือน้ำเข้าไปในหู หรือมีสิวขึ้นที่หูสิ่งต่างๆเหล่านี้มีผลทำให้เกิดการปวดหูได้ทั้งหมดเช่นกัน
  2. เกิดมาจากการเป็นไข้หวัด อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราปวดหูนั้นเกิดมาจากหวัดได้ ทั้งการที่เราสั่งน้ำมูกแรง หรือแม้แต่การที่เราเป็นโรคไซนัส ติดเชื้อในลำคอ หรือแม้แต่ฟันเป็นหนอง อาการต่างๆเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบถึงหูได้ทั้งหมด เพราะว่าภายในร่างกายของเรามีโพรงที่ทะลุถึงกันได้หมดเลย 

สำหรับการรักษาอาการปวดหูนั้น ต้องรักษาจากสาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดหู หากเป็นเพราะป่วยไข้ก็ต้องรักษาอาการป่วยไข้ให้หาย อาการปวดหูก็จะหายไปด้วย แต่ถ้าสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุที่หู ควรให้หมอรักษาอาหารจะดีที่สุดและเราควรดูแลรักษาสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ อย่านำอะไรมาแหย่เข้าหู ระวังเรื่องน้ำเข้าหู ก็จะเป็นการดูแลหูเบื้องต้นที่ดีที่สุดแล้ว 

หากมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน โดยทั่วไปแพทย์จะทำการวิฉัยแล้วรักษา หากไม่รุนแรงมากนัก ก็ไม่ต้องพึ่ง เครื่องช่วยฟัง แต่หากมีอาการที่รุนแรง ทางการแพทย์จะแนะนำรุ่นที่เหมาะสมเพื่อการดำเนินชีวิตท่ง่ายขึ้น