โอกาสด้านการดูแลสุขภาพในเอเชียที่มีแนวโน้มสำหรับนักลงทุน

Global Private Capital Association (GPCA) ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์และรายได้ที่เพิ่มขึ้นกำลังผลักดันการเติบโตในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพทั่วเอเชีย แม้ว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้น แต่ช่องว่างที่สำคัญในส่วนสำคัญของภูมิทัศน์ด้านการดูแลสุขภาพยังคงอยู่

ซึ่งเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับโอกาสระยะยาวสำหรับนักลงทุนภาคเอกชน บริษัทกล่าว รายงานวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพทั่วทั้งจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงวิธีที่ผู้เล่นทุนภาคเอกชนช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดท้องถิ่น ปรับปรุงคุณภาพและความพร้อมในการดูแล และขับเคลื่อนนวัตกรรมในภูมิภาค

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการล็อกดาวน์จากโควิด-19 จะช่วยกระตุ้นการเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคเทคโนโลยีด้านสุขภาพของเอเชีย แต่กิจกรรมการลงทุนก็ชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2564

แม้จะเย็นตัวลง แต่นักลงทุนยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับศักยภาพที่ยั่งยืนของสุขภาพดิจิทัลในการช่วยเหลือระบบการดูแลสุขภาพที่ตึงเครียด และปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

 

รายได้ที่เพิ่มขึ้นและการสนับสนุนด้านนโยบายกำลังสร้างโอกาสหลายทศวรรษสำหรับนักลงทุนภาคเอกชนในการสนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์

หูตึงรักษาหายไหม     และบริการด้านการดูแลสุขภาพทั่วทั้งภูมิภาค แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในการทำข้อตกลงระดับโลกที่ไม่แน่นอนก็ตาม รายงานระบุ

รายงานเผยว่ารายจ่ายด้านการรักษาพยาบาลในเอเชียเติบโตขึ้นมากกว่าห้าเท่านับตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งแซงหน้าการเติบโตของ GDP

ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ผู้จัดการกองทุนในภูมิภาคคาดว่าจะดำเนินต่อไปในทศวรรษหน้า อย่างไรก็ตาม การให้บริการด้านการดูแลสุขภาพยังคงมีการกระจัดกระจาย

และยังไม่ได้รับการพัฒนาในตลาดสำคัญ ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้ให้บริการแบบดั้งเดิมดึงดูดข้อผูกพันจำนวนมากจากกองทุนเอกชนที่มองหาโอกาสในการขยายตัว “การปรับปรุงความครอบคลุมของการประกันสุขภาพและการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางกำลังผลักดันความต้องการบริการทางการแพทย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคนี้เผชิญกับการขาดแคลนแพทย์และการขาดแคลนการใช้จ่ายของภาครัฐ สิ่งนี้ได้สร้างโอกาสสำหรับนักลงทุนในการขยายโรงพยาบาลเอกชนในท้องถิ่น” Nick Bloy หุ้นส่วนผู้จัดการร่วมของ Navis Capital Partners กล่าว

นักลงทุนภาคเอกชนยังมองหาผู้ให้บริการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นทั่วอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังเข้าถึงได้น้อย อินเดียเป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านยาสามัญอยู่แล้ว และกำลังยกระดับห่วงโซ่คุณค่ายาด้วยการลงทุนในระยะเริ่มแรกในด้านชีววิทยาและจีโนมิกส์ รายงานกล่าว “อินเดียได้รับประโยชน์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก

ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงเห็นเครือข่ายโรงพยาบาลเฉพาะทางขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ในขณะที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณไม่เคยเห็นแบบจำลองที่คล้ายกันเกิดขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน เราจะไปถึงที่นั่น แต่ภูมิภาคจำเป็นต้องลงทุนทรัพยากรเพื่อขยายกลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษ” Ewan Davis หุ้นส่วนของ Quadria Capital กล่าว

วิธีเลือกผลไม้ทาน อย่างถูกต้องได้ประโยชน์เต็มๆ ทานได้ทุกวัน

การเลือกทานผลไม้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับลักษณะการดูแลสุขภาพทั่วๆ ไปของคุณ และปัจจัยหลายประการ ดังนั้น การทานผลไม้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรพิจารณาตามบางปัจจัยเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายและสุขภาพของคุณเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ถูกต้องมากขึ้น ต่อไปนี้คือบางปัจจัยที่ควรพิจารณา

1.สภาพสุขภาพของคุณ หากคุณมีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคอื่นๆ ที่ควรจำกัดการทานน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรต การเลือกทานผลไม้อาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากผลไม้มีให้แคลอรี่น้อย และรวมถึงไฟเบอร์ วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย

2.การควบคุมน้ำหนัก ผลไม้มีความหลากหลายและทุกชนิดมีประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีความหลากหลายของไฟเบอร์ที่ช่วยเพิ่มความชื่นในอาหาร และการทานผลไม้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มตัวมากขึ้น

3.ความหลากหลายทางอาหาร การทานผลไม้มีประโยชน์มากในเรื่องของความหลากหลายทางอาหาร เนื่องจากมีสารอาหารและวิตามินที่ต่างๆ ในแต่ละชนิด การทานผลไม้ที่หลากหลายชนิดจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์

4.ระดับน้ำตาลในเลือด ผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติ แต่มีบางชนิดที่มีน้อย ดังนั้นการทานผลไม้สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

5.แพลนท์-บละเนียน หากคุณปฏิบัติตามแพลนท์-บละเนียน ที่เน้นการบริโภคอาหารจากแหล่งพืชมากกว่าอาหารจากสัตว์ การทานผลไม้จะเข้ากันได้ดีกับรูปแบบการทานอาหารนี้

6.อายุและกิจกรรมร่างกาย ควรพิจารณาถึงความต้องการพลังงานของร่างกายตามอายุและกิจกรรมร่างกาย เพื่อเลือกทานผลไม้ที่ให้พลังงานและสารอาหารที่เหมาะสม

 

การทานผลไม้ทุกวันเป็นส่วนสำคัญของการรักษาระบบสุขภาพของร่างกาย เนื่องจากผลไม้มีประโยชน์มากมาย เป็นที่รู้จักด้วยความอิสระจากไขมัน รวมถึงมีคุณค่าทางโภชนาการสูงด้วยวิตามิน, แร่ธาตุ, ใยอาหาร, และสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย นี่คือบางประการของผลไม้ที่ควรพิจารณาทานทุกวัน

1.แอปเปิล: มีใยอาหารสูง วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระ

2.กล้วย: มีพลังงานสูง วิตามิน B6 แร่ธาตุเหล็ก และใยอาหาร

3.สตรอเบอร์รี่: เต็มไปด้วยวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระ

4.แตงโม: สูงในวิตามิน A, C, แร่ธาตุ และมีความสดชื่น

5.มะละกอ: มีวิตามิน A, C, แร่ธาตุ และใยอาหาร

6.เบอร์รี่: มีวิตามิน C ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ

7.แยม: มีวิตามิน A, C, แร่ธาตุ และใยอาหาร

8.มะม่วง: มีวิตามิน A, C, แร่ธาตุ และใยอาหาร

9.กีวี: มีวิตามิน C, ไฟเบอร์ แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

10.ส้ม: มีวิตามิน C, ใยอาหาร, แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

การทานผลไม้ทุกวันจะช่วยปรับสภาพร่างกาย รักษาระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงต่อหลายๆ โรคเรื้อรัง อย่างไรก็ตามควรรักษาความสมดุลของอาหารโดยการรวมผลไม้ไปพร้อมกับอาหารอื่นๆ ในอาหารประจำวัน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาหารบำรุงสายตา สำหรับผู้มีปัญหาสายตาไม่ดี

ดวงตา เป็นหนึ่งในอวัยวะที่มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก เพราะในการใช้ชีวิตนั้น เราจำเป็นที่จะต้องใช้สายตาในการมองเห็น หรือใช้ในการเรียน

การทำงาน หรือแม้แต่การใช้ชีวิตเองก็ตาม ซึ่งรู้หรือไม่ว่า การใช้สายตาในสมัยปัจจุบันนี้หลายคนจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ในความเป็นจริงแล้วหลาย ๆ คนมักที่จะมีพฤติกรรมการทำลายดวงตาของตนเอง

โดยไม่รู้ตัว หรือบางครั้งอาจใช้งานสายตานานจนเกินไป จนทำให้สายตาของเรานั้นมีอาการล้าได้ และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้งานสายตาหนักเกินไปนั้น

ก็จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสายตาตามมาได้ โดยเฉพาะอาการสายตาพร่ามัว อาการตาแห้ง และอาจทำให้หลายคนนั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคสายตาสั้นได้นั่นเอง

อย่างรก็ตาม สมัยปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าสายตาของเราจะถูกทำงานหนักมาขนาดไหนก็ตาม ก็ย่อมมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิต ซึ่งสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา สายตาไม่ดี มีอาการตาล้าอยู่บ่อย ๆ

อาหารบำรุงสายตา วันนี้เราก็จะมาแนะนำอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้ รับรองได้เลยว่าหากทานเป็นประจำจะยิ่งดีต่อสายตา สามารถเพิ่มการมองเห็นของสายตาได้ และที่สำคัญช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการมีสายตาที่สั้นได้อีกด้วย จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

1.ผลไม้ตะกูลเบอร์รี่ แน่นอนว่าผลไม้ตระกูลนี้เป็นผลไม้ที่หลาย ๆ คนอาจจะชื่นชอบกันอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก หวานอมเปรี้ยว ยังช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย รู้หรือไม่ว่า ผลไม้ตระกูลนี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีมากมาย เช่น วิตามินซีที่สูงมาก ๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถช่วยบำรุงสายตาของเราได้ ช่วยป้องกันดวงตาของเราจากการถูกทำร้ายได้ ช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาได้อีกด้วย 

2.ไข่แดง รู้หรือไม่ว่านอกจากไข่จะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีแล้ว ในส่วนของไข่แดง ยังมีประโยชน์ที่สามารถช่วยบำรุงสายตาของเราได้เป็นอย่างดี เพราะไข่แดงนั้นจะอุดมไปด้วย สังกะสี ซีแซนทีน รวมไปถึงลูทีนอีกด้วย ซึ่งก็มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาของเราให้แข็งแรงได้ ช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้เป็นอย่างดีนั่นเอง 

3.พริกหยวก ในพริกหยวกนั้นจะอุดมไปด้วยวิตามินเอ และวิตามินซีที่สูงมาก ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถช่วยบำรุงสุขภาพสายตาของเราให้มีความแข็งแรงได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันสายตาของเราไม่ให้ได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกตาได้ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่สามารถช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง

แนะนำเคล็ดลับการทานอาหารจานเดียวอย่างไรให้อิ่มท้อง

การเลือกรับประทานอาหารในสมัยปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่หลายคนไม่ควรมองข้าม เพราะการที่ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่ดีได้มีประโยชน์อย่างเพียงพอ

ก็จะสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงให้แก่เราได้ แต่ทว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการมองข้ามการเลือกรับประทานอาหารหรือการให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารกันเป็นอย่างมาก

เนื่องจากการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่จะแตกต่างกันออกไปทำให้บางคนไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกับการเลือกอาหาร และมักที่จะมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์กันอยู่บ่อยๆ

ซึ่งแน่นอนว่าหากร่างกายของเราได้รับแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์นอกจากจะทำให้ปัญหาสุขภาพต่างๆตามมายังอาจทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ฉะนั้นไม่ว่าเราจะยุ่งหรือทำงานหนักมากขนาดไหนก็ตามการให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารโดยเฉพาะอาหารจานเดียว จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม ยิ่งอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก

การทานอาหารจานเดียวก็ถือเป็นเรื่องที่ยากแต่หากเราให้ความสำคัญอย่างยิ่งและเรียกแต่สิ่งดีดี ก็อาจทำให้การลดน้ำหนัก หรือ อาจทำให้การทานอาหารจานเดียวของถ้าใครเรานั้นอิ่มท้องได้ตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้มีเวลาเลือกรับประทานอาหาร

การทานอาหารจานเดียว วันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆในการเลือกรับประทานอาหารจานเดียวอย่างไรให้ อิ่มท้อง รับรองได้เลยว่านอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายยังทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพอีกด้วย

  • การให้ความสำคัญกับมื้อเช้า

คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มองข้ามกลางรับประทานมื้อเช้ากันเป็นอย่างมากซึ่งรู้หรือไม่ว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมื้อแรกของวันที่เราควรให้ความสำคัญในการเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจานเดียว ควรที่จะเลือกเป็นอาหารที่สามารถย่อยได้ง่ายและไม่ทำให้เราหนักท้อง หรืออาจจะเป็นอาหารที่สามารถช่วยเพิ่ม พลังงานให้แก่ร่างกายของเรานั่นเอง

  • การเน้นไฟเบอร์

แน่นอนว่าหากเราอยากลดน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพและยากที่จะเลือกรับประทานอาหารจานเดียวให้อิ่มท้อง สิ่งสำคัญเลยก็คือการเน้นไปที่ไฟเบอร์เพราะสารอาหารประเภทนี้จะสามารถช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงสามารถทำให้เราอิ่มท้องและช่วยลดน้ำหนักได้นั่นเอง

  • การเคี้ยวอาหารช้า ๆ

 หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าการที่เรารับประทานอาหารเร็วจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราฉะนั้น เพื่อการมีสุขภาพร่างกายที่ดี หรือการทานอาหารจานเดียวให้อิ่มควรที่จะเคี้ยวอาหารอย่างช้าๆ ค่อยๆรับประทาน เพื่อให้ อาหารที่เราทานเข้าไปนั้นสามารถย่อยได้ง่ายและไม่เป็นการทำลายระบบย่อยอาหารของเรานั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังฟรี

3 ประโยชน์จากการดื่มน้ำหลังตื่นนอน

ประโยชน์จากการดื่มน้ำหลังตื่นนอน หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินคำที่ว่าการที่เราดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนจะสามารถทำให้การลดน้ำหนักของเรานั้นมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งแน่นอนว่าการดื่มน้ำหลังตื่นนอนเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

แต่ก่อนที่เราจะลุกไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างนึงการดื่มน้ำหลังตื่นนอนจะสามารถชำระล้างสารพิษตกค้างที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ให้ออกมาได้แถมยังสามารถทำให้การลดน้ำหนักของเรานั้นเห็นผลได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้การดื่มน้ำยังถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่หลาย ๆ คนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายและร่างกายของเราขาดไม่ได้ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยชำระล้างสารพิษตกค้างภายในร่างกาย แต่การดื่มน้ำเยอะๆ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้นยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณของเราให้เปล่งปลั่งดูอิ่มน้ำ

ทำให้ร่างกายของเราไม่เกิดภาวะขาดน้ำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าน้ำเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าการที่เราดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนนั้น  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก   จะมีประโยชน์ดีๆอะไรแก่สุขภาพร่างกายของเราได้นอกจากการลดน้ำหนักไปดูกันเลย

1.การดื่มน้ำช่วยเพิ่มพลังให้สมอง

เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบหลักหรือเป็นส่วนประกอบสำคัญของสุขภาพร่างกาย จึงถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบประสาทและสมองของเราได้ ซึ่งหากเราดื่มน้ำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังตื่นนอนจะยิ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นกระปี้กระเป่าแถมยังทำให้สมองของเรานั้นรู้สึกสดชื่นได้อีกด้วย

2.การดื่มน้ำช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าการดื่มน้ำเยอะๆหลังตื่นนอนทันทีจะสามารถช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก ยิ่งดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนนั้นจะสามารถทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น

3.การดื่มน้ำช่วยให้เราอยากอาหารน้อยลง

สำหรับใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักขอบอกเลยว่าการดื่มน้ำเยอะๆเป็นประจำนั้นจะสามารถช่วยลดความอยากอาหารในระหว่างวันของเราให้ลดลงได้ แถมยังเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้การลดน้ำหนักของเรามีประสิทธิภาพ ยิ่งได้ใครอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีและอยากลดน้ำหนักไปด้วย การดื่มน้ำเยอะๆโดยเฉพาะหลังตื่นนอนจะทำให้การลดน้ำหนักของเรามีประสิทธิภาพและช่วยลดความอยากอาหารได้นั่นเอง

พฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพวัยทำงานที่ไม่ควรมองข้าม

อย่างที่เรามราบกันเป็นอย่างดีว่า วัยทำงานส่วนใหญ่แล้วถือเป็นช่วงวัยที่ร่างกายนั้นได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะในชีวิตประจำวันนั้นจะเต็มที่ไปกับการทำงาน

ซึ่งไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายมากสักเท่าไหร่ หรือบางคนก็อาจที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย จนทำให้ร่างกายอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย

รวมไปจนถึงการมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย เพราะสมัยนี้ไม่ว่าเราจะหาเงินได้มากขนาดไหนก็ตาม เราก็ไม่ควรที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย

ยิ่งหากสุขภาพของเรามาพังลงจากการที่เราทำงานหนักนั้นก็อาจจะไม่คุ้มค่าได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับวัยทำงานคนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพร่างกาย และไม่รู้ว่าสาเหตุของการมีสุขภาพร่างกายที่ไม่ดีนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

พฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพวัยทำงาน ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าพฤติกรรมส่วนใหญ่ที่วัยทำงานมองข้ามจนส่งผลกระทบต่อร่างกายนั้นจะมีอะไรกันบ้าง เผื่อว่าจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นหลีกเลี่ยงได้ ไปดูกันเลย 

1.พฤติกรรมการนั่งจ้องหน้าจอนานเกินไป

แน่นอนว่าวัยทำงานส่วนใหญ่นั้นมักที่จะมีพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของตนเองด้วยการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าการที่เรานั่งจ้อง หรือนั่งเพ่งอยู่หน้าจอนานเกินไปนั้นจะยิ่งทำให้สายตาของเราเสีย หรือมีอาการล้าได้ง่าย จนอาจส่งผลเสียที่รุนแรงขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะหากปล่อยไว้อาการอาจรุนแรงมากขึ้นจนอาจทำให้เรานั้นตาบอดได้

2.พฤติกรรมการอดอาหารเช้า

เนื่องจากการใช้ชีวิตนั้นทำให้หลาย ๆ คนมักที่จะเร่งรีบไปกับการทำงาน โดนเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปทำงาน ซึ่งก็อาจทำให้การใช้ชีวิตของเรานั้นเปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยรับประทานอาหาร ก็มีพฤติกรรมการอดอาหารเช้า รับประทนอาหารไม่ตรงเวลา ซึ่งรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะหากเราอดอาหารเช้าบ่อย ๆ หรือรับประทานอาหารไม่ตรงเวลานั้นจะยิ่งทำให้ร่างกายของเราเกิดผลเสียต่าง ๆ ขึ้นมาได้ หรืออาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายนั่นเอง 

3.พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่วัยทำงานส่วนใหญ่ชอบทำกันเป็นอย่างมาก เพราะการดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ นั้นจะมีประโยชน์ที่สามารถช่วยบรรเทาความเครียดได้ ช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ และที่สำคัญสามารถสร้างความสุขให้กับวัยทำงานได้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้ถือเป็นพฤติกรรมการทำลายสุขภาพร่างกายของเราทางอ้อม ยิ่งถ้าเราดื่มบ่อย ๆ จะยิ่งทำยิ่งทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย และส่งผลกระทบต่อการทำงานได้ 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  เครื่องช่วยฟัง

กาแฟดำมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรได้บ้าง

กาแฟถึงเป็นเครื่องดื่มที่หลาย ๆ คนชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะสมัยปัจจุบันนี้ร่างกายของคนเรานั้นก็ต้องดำเนินต่อไปด้วยความง่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยทำงาน ซึ่งถือเป็นช่วงวัยที่มักมีพฤติกรรมการดื่มกาแฟกันอยู่เป็นประจำ เพราะกาๆ ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตามก็จะอุดมไปด้วยสารคาเฟอีน

ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ทำให้ร่างกายของเราเกิดการตื่นตัวได้ และยังช่วยให้การดำเนินชีวิตของเราเต็มไปด้วยประสิทธิภาพอีกด้วย

ซึ่งรู้หรือไม่ว่ากาแฟไม่ได้ดีเพียงแค่ช่วยกระตุ้นกระทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาแฟดำ ซึ่งถือเป็นกาแฟที่มีส่วนผสม หรือเครื่องปรุงที่น้อยมาก ๆ เพราะมีเพียงน้ำและกาแฟเท่านั้น

ซึ่งในส่วนนี้เองจึงทำให้กาแฟดั้นเป็นเครื่องที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะสารถให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้ค่อนข้างสูง แถมยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยเร่งกรเผาพลาญไขมันได้เป้นอย่างดีอีกด้วย

 

กาแฟดำมีประโยชน์ต่อร่างกาย ฉะนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟดำไปดูกันว่า หากเราดื่มเป็นประจำนั้นจะมีประโยชน์อะไรแก่สุขภาพร่างกายของเราได้บ้าง ไปดูกันเลย

  • มีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การที่เราดื่มกาแฟเป็นประจำนั้นจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี โดยเพาะอย่างยิ่งกาแฟดำ ซึ่งสำหรับใครที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนัก  ขอบอกเลยว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำนั้นจะมีช่วยให้การลดน้ำหนักนั้นมีประสิทธิภาพ และ  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล   ให้ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

  • มีประโยชน์ทางด้านออกกำลังกาย

ต้องบอกก่อนว่ากาแฟดำนั้นจะสามารถให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้สูงมาก ๆ ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีไปยังการออกกำลังกายอีกด้วย จึงถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่เหมาะสมสำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ และอยากให้การออกกำลังกายนั้นยาวนาน แลมีประสิทธิภาพ รับรองได้เลยว่าได้ผลดีอย่างแน่นอน 

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ

หลายคนอาจะคิดแค่ว่ากาแฟดำนั้นจะมีเพียงแค่คาเฟอีน แต่ในความเป็นจริงแล้วกาแฟดำนั้นนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย เพราะสรรพคุณของสารต้านอนุมูลอิสระนั้นจะสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้เป็นอย่างดี ช่วยต้านการอักเสบ และที่สำคัญสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังบางชนิดได้อีกด้วย

IFST เลือกทีมสเตอร์ลิงเป็นประธาน

สเตอร์ลิง ครูว์จะรับช่วงต่อจากเฮเลน มันเดย์ จะเป็นประธานคนต่อไปของสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (IFST) ได้แต่งตั้งให้สเตอร์ลิง ครูว์เป็นประธานคนใหม่

ขององค์กร Crew ทำงานในภาคส่วนอาหารมากว่า 35 ปี จะเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2023 นอกจากนี้ Crew ยังดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาของ New Food โดยได้รับความรู้และประสบการณ์ในฐานะผู้อำนวยการภาคส่วนอาหาร

ตอนนี้ลูกเรือจะรับผิดชอบ IFST ชั้นนำซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารทุกด้าน สมาชิกประกอบด้วยตัวแทนจากรัฐบาล อุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา IFST

กล่าวว่าในฐานะประธาน Crew จะเป็นผู้นำสถาบันในภารกิจเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าและการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน

“เรามีความยินดีที่ได้ต้อนรับสเตอร์ลิงในฐานะประธานคนใหม่ของเรา ด้วยประสบการณ์ที่กว้างขวางในอุตสาหกรรมอาหาร ควบคู่ไปกับความรู้ด้านการบังคับใช้อาหาร และการอุทิศตนเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ทำให้เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้นำ IFST

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Tim McLachlan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ IFST กล่าว ตลอดอาชีพการงานของเขา Crew ได้ทุ่มเทให้กับงานด้านความปลอดภัยของอาหารและการกำกับดูแลห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ก่อนหน้านี้เขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธาน IFST และจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เป็นประธานกลุ่มผลประโยชน์พิเศษด้านความปลอดภัยของอาหาร

IFST เลือกทีมสเตอร์ลิงเป็นประธาน ลูกเรือยังได้รับรางวัลกิตติมศักดิ์ของสถาบันในปี 2020 จากผลงานในภาคส่วนอาหาร ยิ่งไปกว่านั้น ครูว์ยังเป็นผู้อำนวยการระหว่างประเทศที่มีประสบการณ์

บทบาทของเขาในฐานะผู้ควบคุมดูแลและในแบรนด์ค้าปลีกรายใหญ่และผู้ผลิตอาหารทำให้เขามีมุมมองที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับภาคส่วนอาหาร เขาเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจอาหารหลายแห่ง และเคยดำรงตำแหน่งคณะกรรมการขององค์กรอุตสาหกรรมอาหารหลายแห่ง

Crew จะเข้ารับตำแหน่งต่อจาก Helen Munday ในตำแหน่งประธาน IFST โดยมีวาระ 3 ปี และจะรับผิดชอบในการเป็นตัวแทนของ IFST ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนส่งเสริมความคิดริเริ่มและโปรแกรมต่างๆ ขององค์กร และเป็นโฆษกของสถาบัน “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานคนใหม่ของ IFST และขอขอบคุณ Helen Munday [ประธานที่พ้นจากตำแหน่ง]

สำหรับวาระที่ประสบความสำเร็จของเธอ” Crew กล่าว ”IFST มีช่วงเวลาที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้า อย่างน้อยที่สุด เราตั้งตารอที่จะฉลองครบรอบ 60 ปีในปี 2567 และเดินทางต่อไปสู่สถานะการเป็น Chartership ที่เป็นไปได้ขององค์กร ฉันหวังว่าจะทำให้ผู้คนรับรู้ถึงข้อเสนอการเป็นสมาชิกที่ยอดเยี่ยมของเราต่อไป และเพิ่มจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทศวรรษที่ผ่านมา”

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

ความคิดเรื่องความงามเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป

คุณคิดว่าสวยเพราะอะไร? สิ่งที่คุณอาจคิดว่าคำจำกัดความของความงามเป็นสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเราอาจมีมาตรฐานความงามที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ล่าสุด เช่น ด้านข้างหรือตรงกลาง

แต่เวลาและสถานที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวคิดเรื่องความงาม ความคิดเกี่ยวกับความงามได้เปลี่ยนไปแล้วและจะเปลี่ยนแปลงต่อไปตลอดประวัติศาสตร์

สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมาตรฐานความงามไม่ใช่บรรทัดฐานอีกต่อไป และสิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มาดูกันดีกว่าว่าความสวยเปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้อย่างไร

ความงามโบราณ ในอียิปต์โบราณ คุณจะถือว่าสวยถ้าคุณมีรูปร่างสมส่วน โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงและผู้ชายที่อายุน้อยกว่าและมีกล้ามเนื้อจะสวยงามที่สุด ในทำนองเดียวกัน ชาวกรีกให้คุณค่ากับใบหน้าที่สมมาตร แต่ร่างกายของผู้ชายมีค่ามากกว่าผู้หญิง ในประเทศจีนโบราณ ความงามเป็นเรื่องของขนาด

ความคิดเรื่องความงามเปลี่ยน ยิ่งคุณตัวเล็กมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งถูกมองว่าสวยเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการมัดเท้าจึงโหดร้าย และผู้หญิงบางคนที่ทำแบบนี้ก็ไม่อยากทำเช่นนั้น ผู้หญิงบางคนพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เท้าและเอวที่เล็ก

ความงามยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและวิคตอเรียน ผู้หญิงในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยามักไว้ผมยาว สะโพกกว้าง และผมหนากว่าปกติ ตัวเลขที่สมบูรณ์กว่ามักถูกพิจารณาว่าเป็นตัวบ่งชี้สัญญาณของภาวะเจริญพันธุ์

ภาวะเจริญพันธุ์เป็นลักษณะเฉพาะของความงามสำหรับผู้ชายในช่วงเวลานี้ เนื่องจากผู้ชายเหล่านี้ต้องการสุขภาพที่แข็งแรงและสะโพกที่มีบุตร หลังจากวัยกลางคนมาตรฐานความงามของผู้หญิงเปลี่ยนไป

รูปร่างมาตรฐานกลายเป็นส่วนโค้งเว้า รูปร่างท้วมขึ้น ผิวสีซีดและผมสีอ่อน มาตรฐานเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับอังกฤษยุควิกตอเรียเช่นกัน ผู้หญิงต้องการมีรูปร่างท้วมแต่มีเอวที่เล็กลง

ซึ่งทำได้โดยการใช้เครื่องรัดตัว ความงามในอุดมคติคือใบหน้าซีดเซียว แก้มแดงระเรื่อและดวงตาสีเข้ม

ยุควิกตอเรียยังเป็นยุคที่การแต่งหน้ายังเป็นที่โต้เถียง แต่ก็เป็นยุคที่ได้รับความนิยมเช่นกัน มีการถามคำถามเกี่ยวกับผู้หญิงเหล่านี้ ทำไมเธอถึงพยายามซ่อน? เธอเชื่อถือได้หรือไม่? แต่งหน้าแล้วสุขภาพดีไหม? อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีส่วนผสมที่เป็นพิษ เช่น ตะกั่ว ไนท์เชด และปรอท ความงามแห่งศตวรรษที่ 20

ช่วงเปลี่ยนศตวรรษใหม่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของมาตรฐานความงามใหม่เช่นกัน ในช่วงทศวรรษที่ 20 ผู้หญิงไว้ผมสั้นและเน้นเอวน้อยลง ในเรื่องแฟชั่นผู้หญิง แต่งตัว พวกเขาจะสวมโค้ทขนสัตว์ขนาดใหญ่ หมวกลูกนก ชุดเดรส ถุงน่องรัดต้นขา และอื่นๆ มันเป็นคำสั่งที่ผู้หญิงแต่งตัวเพื่อสร้างความประทับใจ ในช่วงกลางคืน ความเย้ายวนใจอันบริสุทธิ์ด้วยรองเท้าส้นสูง ไข่มุก ลูกปัด

และผ้าไหม ข้อมูลอ้างอิงที่ยอดเยี่ยมคือ The Great Gatsby และแฟชั่นที่ปรากฎในนวนิยายและภาพยนตร์อันเป็นสัญลักษณ์ คุณจะไม่มีวันเห็นผู้หญิงจากไปโดยไม่ทำผม แต่งหน้า ถุงน่อง และทาลิปสติกสีจัดจ้าน เนื่องจากเทรนด์นี้เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 20 จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตายและเป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้หญิงในการแต่งตัวไปเที่ยวกลางคืนอย่างเต็มที่

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย.  เครื่องช่วยฟัง

รักษาผิวที่เครียด

เราได้ยินมาตลอดว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดโรคภายในร่างกายและผิวพรรณก็ไม่ต่างกัน ในฐานะอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของเรา สิ่งสำคัญยิ่งคือการเรียนรู้วิธีรักษาความเสียหายในช่วงเวลาที่เกิดความวิตกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใบหน้าของคุณเป็นสถานที่ที่แสดงสัญญาณของความเครียด

รักษาผิวที่เครียด ริ้วรอย สังเกตเห็นริ้วรอยและความหย่อนคล้อยในผิวของคุณหรือไม่?

ความเครียดอาจส่งผลกระทบต่อคุณในระดับฮอร์โมน คอร์ติซอล ฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาเพื่อตอบสนองต่อความเครียด เป็นศัตรูตามธรรมชาติของคอลลาเจน ทำลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ทำให้ผิวของคุณตึงและเต่งตึง แต่นอกเหนือจากการทำลายคอลลาเจนแล้ว ความวิตกกังวลยังทำให้เราแสดงสีหน้าบางอย่างไม่ได้ เช่น การขมวดคิ้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยย่นถาวรที่หน้าผากและรอบดวงตาในที่สุด

วิธีแก้ไข นึกถึงเวลาที่คุณกำลังแสดงออกทางสีหน้าในช่วงเวลาแห่งความเครียด หายใจเข้าลึกๆ และ  ถ่านเครื่องช่วยฟัง    เมื่อคุณหายใจออก ให้นึกภาพใบหน้าของคุณผ่อนคลายและนุ่มนวล การทำสมาธิก็มีประโยชน์เช่นกัน แม้ว่าคุณจะมีเวลาเพียงชั่วครู่ก็ตาม ดาวน์โหลดแอปการทำสมาธิลงในอุปกรณ์มือถือของคุณ

เพื่อให้คุณไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ที่จะใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างรวดเร็ว การขาดความชุ่มชื้นมักเป็นตัวการที่ทำให้เกิดริ้วรอย

ดังนั้นควรดื่มน้ำบริสุทธิ์อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันผิวแห้งและขจัดสารพิษ สำหรับการแก้ไขความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว ให้ใช้เซรั่มที่มีกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นส่วนผสมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายของคุณ และอุ้มน้ำได้ 1,000 เท่าของน้ำหนัก มันยังดึงความชื้นจากอากาศเข้าสู่ผิว ให้ความชุ่มชื้นในทันทีและทำให้คุณเปล่งประกายงดงาม

ถุงใต้ตา รายการสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้อาจส่งผลต่อจิตใจของคุณ ทำให้คุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ วิธีนี้อาจทำให้ของเหลวไหลมารวมกันใต้เปลือกตาล่าง ส่งผลให้เกิดอาการบวมในตอนเช้า คนท้องนอน ข่าวร้าย: คุณสามารถคาดหวังได้ว่าอาการบวมของถุงใต้ตาของคุณจะแย่ลงไปอีกเนื่องจากแรงโน้มถ่วง

วิธีแก้ไข  นอนหลับอย่างน้อยแปดชั่วโมง เนื่องจากแสงจากหน้าจอสมาร์ทโฟนจำลองแสงแดด ให้ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ หนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน ใช้เวลาว่างของคุณมาดื่มชาคาโมมายล์ปราศจากคาเฟอีนสักถ้วยเพื่อช่วยให้คุณสงบและผ่อนคลายก่อนนอน หากคุณยังคงตื่นนอนด้วยอาการตาบวมในตอนเช้า ให้ถือช้อนเย็นๆ

การระบายน้ำ จากนั้นลงคอนซีลเลอร์เป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำใต้ตา ความสว่างจะเริ่มใต้รูจมูกเล็กน้อยและขยายไปทางหางตาเพื่อปกปิดอาการบวม ในโลกปัจจุบัน ความเครียดดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังมีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ที่สามารถสร้างความแตกต่างในการแสดงใบหน้าที่ดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากการพักผ่อนในวันหยุด