แนะนำวิธีการลดน้ำหนักหรือลดไขมัน ด้วยตัวเราเอง

ลดไขมัน ด้วยตัวเราเอง ลดไขมัน ด้วยตัวเราเองทุกคนนน ใครที่คิดว่าการลดน้ำนหนักหรือลดไขมันนั้นยากก มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอกนะ เพื่อนๆ และสาวๆ สามารถลดน้ำหนักหรือลดไขมัน ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ เลย วันนี้เรามีคำแนะนำที่จะช่วยทำให้เพื่อนๆและสาวๆ ลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ง่ายขึ้นละ 

+ตั้งใจ วางเป้าหมาย ให้ชัดเจน

เพื่อนๆและสาวๆ ต้องเริ่มจากการตั้งใจ และวางเป้าหมาย ให้ชัดเจน เหมือนมีหุ่นในฝันว่าเราอยากได้แบบไหน อยากจะทำหุ่นให้เหมือนกับหุ่นไอดอล หรือ ตั้งใจและมีเป้าหมายหุ่นที่ดีในแบบของตัวเองนั้นเอง 

+เริ่มและลงมือทำได้เลย 

เพื่อนๆ และสาวๆ เริ่มลงมือได้เลย โดยเริ่มจากการวัดสัดส่วน ต่างๆ ของร่างกาย ต้นแขน ต้นขา เอว สะโพก น้ำหนัก ต่างๆ จดไว้ได้เลยว่าเราต้นจากตรงไหน และเริ่มลงมือกันได้เลย

+วางแผนการกินในแต่ละวัน

เพื่อนๆและสาวๆ เริ่มต้นการวางแผนการกินได้เลย เพราะว่าการกินอาหารนั้นจะช่วยทำให้เพื่อนๆ และสาวๆ ไม่หลุดโฟกัสในการลดน้ำหนักหรือลดความไขมันนั้นเอง การวางแผนที่ดีก็ต้องเลือกกินอาหารที่ดีด้วยนะ 

+เลือกการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์

การที่เพื่อนๆและสาวๆ จะลดน้ำหนักหรือลดไขมันนั้น ต้องโฟกัส ด้วยการเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อย่าง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จำพวกข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น โปรตีนดี อย่าง อกไก่ ไข่ต้ม เนื้อปลา เป็นต้น ไขมันดี อย่าง อะโวคาโด และถั่วอัลมอนด์ และอย่าลืมกินผักและผลไม้ด้วยนะ 

+ ดื่มน้ำให้มากขึ้น

เพื่อนๆและสาวๆ หันมาดื่มน้ำให้มากๆ สิ เพราะว่าการที่เราดื่มน้ำมากๆ นั้น จะช่วยเร่งการกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราและยังช่วยเรื่องระบบเผาผลาญด้วยนะ นอกจากนี้การดื่มน้ำ แก้วก่อนมื้อหลัก จะช่วยทำให้อิ่มท้องได้เร็วขึ้นด้วยนะ 

+เคลื่อนไหวร่างกายมากๆ หรือ ออกกำลังกาย

เพื่อนๆและสาวๆ คงหนีไม่พ้นการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากๆ เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันละ เพราะฉะนั้นพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มากๆ นะ แต่หากจะให้ได้ผลแบบเร็วขึ้นไปอีก ก็คือ การออกกำลังกายนั้นเอง 

+พักผ่อนให้มาก 

เพื่อนๆและสาวๆ ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ เพราะว่าการที่เราพักผ่อนเพียงพอจะทำให้เรานั้นสดชื้นและระบบต่างๆของร่างกายก็จะทำงานได้เป็นอย่างดี และยังช่วยไม่หิวจุกจิกด้วยนะ

+อย่ากดดันตัวเองและให้กำลังใจตัวเอง 

เพื่อนๆ และสาวๆ คนไหนที่ลดน้ำหนักและเครียดบ่อยๆ นั้นไม่ดีเลยเพราะว่ามันทำให้ร่างกายเราตึงเครียดและไม่ยอมเผาผลาญไขมันออกไปอีกด้วยนะ ดังนั้นอย่ากดดันเลย ให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

หนึ่งวันในชีวิตของนักศึกษาแพทย์ในประเทศจีน

นักศึกษาแพทย์ในประเทศจีน หนึ่งวันในชีวิตของนักศึกษาแพทย์ในประเทศจีน ในซีรีส์ของเราที่จะพาคุณเข้าสู่ชีวิตของนักศึกษาแพทย์ทั่วโลกโดยไม่ต้องลุกจากเก้าอี้ BMJ Student ได้พูดคุยกับนักศึกษาแพทย์ในจีน ผู้เขียนเกี่ยวกับการศึกษาทางการแพทย์และผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก

นักเรียนหลายพันคนในจีนจึงลงทะเบียนเรียนแพทย์ทุกปี1 ทว่าเส้นทางสู่การแพทย์ของพวกเขาจะไม่เหมือนเดิมทั้งหมด แต่ละโรงเรียนเปิดสอนหลายหลักสูตรตั้งแต่ห้าปี (ปริญญาตรี) ถึงเจ็ดปี (ปริญญาโท) หรือแปดปี (ปริญญาเอก) นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรระดับสูงกว่าปริญญาตรีเพื่อรับปริญญาโทหรือปริญญาเอกหลังจบปริญญาตรี เช่นเดียวกับฉัน

นักเรียนส่วนใหญ่จะผ่านการฝึกอบรมห้าปีและได้รับปริญญาตรีก่อนที่จะสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอาวุโส ปริญญาตรีเกี่ยวข้องกับหลักสูตรทางคลินิกขั้นพื้นฐานสี่ปีตามด้วยการฝึกปฏิบัติในโรงพยาบาลในปีสุดท้าย หลังจากนั้น จำเป็นต้องมีการหมุนเวียนทางคลินิกและตำแหน่งการวิจัยเป็นเวลาหลายปีเพื่อรับปริญญาอาวุโส

ชีวิตในโรงเรียนแพทย์ ในช่วงห้าปีแรกของฉัน เราเรียนหลักสูตรพื้นฐานในห้องเรียนและทำการทดลองในห้องแล็บ บางคนมาพร้อมกับการฝึกภาคปฏิบัติเช่นการผ่าทางกายวิภาค เนื่องจากทรัพยากรจำกัด นักเรียนบางคนต้องเรียนในที่สาธารณะนอกโรงเรียนเมื่อห้องเรียนเต็ม ตัวอย่างอื่นๆ ของทรัพยากรที่มีมากเกินไป ได้แก่ ห้องสมุดขนาดเล็กที่นักเรียนใช้และหอพักที่มีนักเรียนหนาแน่นซึ่งมีนักเรียนแปดถึงสิบคนต่อห้อง เงื่อนไขเหล่านี้เป็นผลมาจากการลงทุนด้านการศึกษาทางการแพทย์ที่จำกัด ทั้งๆ ที่มีนักศึกษาจำนวนมากที่ลงทะเบียนเรียนในแต่ละปี

นอกจากนี้ กลุ่มนักศึกษาจำนวนมากยังหมายถึงระดับการแข่งขันที่สูงมากในหมู่นักศึกษาแพทย์ในจีน โดยมีอัตราการผ่านการสอบเข้าระดับปริญญาเอกและการสอบใบอนุญาตทางการแพทย์ที่ต่ำ ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงต้องเสียสละวันหยุดสุดสัปดาห์บ่อยๆ เพื่อให้ได้คะแนนที่สูงขึ้นและโดดเด่นกว่าเพื่อน ชั่วโมงเรียนทำให้ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนไม่ได้ บางครั้งฉันจึงล้อว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันคือโครงกระดูกในห้องสมุด เพราะฉันเจอเขาทุกวัน

การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรี การฝึกอบรมในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ของเราเสร็จสิ้นในช่วงปริญญาโท ตรงกันข้ามกับการเรียนห้าปีก่อนหน้านี้ ตอนนี้เราต้องเลือกวิชาเอกเฉพาะและเลือกว่าจะเรียนในระดับคลินิกหรือระดับวิชาการ แม้ว่าทั้งคู่จะมีวุฒิแพทยศาสตรบัณฑิต แต่หลักสูตรแรกนั้นเกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมมาตรฐานบังคับเป็นเวลาสามปีสำหรับผู้อยู่อาศัย

ซึ่งช่วยให้สามารถรวมเข้ากับงานทางคลินิกได้เร็วขึ้นหลังจากสำเร็จการศึกษา ระดับการศึกษามุ่งเน้นไปที่การออกแบบและการดำเนินการวิจัยควบคู่ไปกับการปฏิบัติทางคลินิก ฉันเลือกเรียนวิชาเอกโลหิตวิทยาในเด็ก เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และแพทย์

ทุกวันจันทร์และวันอังคาร ตอนนี้ฉันติดตามพี่เลี้ยงเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมทางคลินิก เราใช้เวลาช่วงเช้าในบริการผู้ป่วยนอก ส่วนเวลาที่เหลือจะเก็บไว้ทำงานวอร์ด ที่นี่ ฉันทำการตรวจเพิ่มเติมของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่เราจะส่งมอบให้กับแพทย์ประจำบ้าน ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เหลือ ฉันจดจ่ออยู่กับการค้นคว้า การสื่อสารกับผู้ป่วย เก็บตัวอย่างเลือด

และทำการทดลองในห้องปฏิบัติการใช้เวลาส่วนใหญ่ของฉัน การมีเวลา 2 วันสำหรับบริการทางคลินิกและ 3 วันสำหรับการวิจัยทำให้ฉันสามารถรักษาสมดุลของความสนใจทั้งสองได้เป็นอย่างดี แม้ว่างานจะมีความต้องการสูง แต่ฉันให้ความสำคัญกับโครงสร้างนี้เพราะฉันเชื่อว่าโครงสร้างนี้ให้การฝึกอบรมที่ครอบคลุมมากขึ้น

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน