สุดอนาจ เสียชีวิตเพราะเงิน 63 บาท

             เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นกับสามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งได้ก่อเหตุฆ่ากันตายเพียงเพราะทะเลาะกันด้วยเงิน 63 บาทเพียงเท่านั้นด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อที่ประเทศอินโดนีเซียมีการระบาดของไวรัสโคโรน่าทำให้ประชาชนต่างก็ได้รับความเดือดร้อนไม่ต่างกับประเทศไทย

และมีหลายคนต้องตกงานโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางด้านสามีได้ทำงานหาเงินหลายอย่างอีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกด้วยส่วนทางด้านภรรยานั้นตกงานหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสทำให้สองสามีภรรยาคู่นี้ประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเงินอย่างหนักชาวบ้านบอกกันว่าสามีภรรยาคู่นี้มักจะทะเลาะกันอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาการเงินและเมื่อทะเลาะกันสามีก็จะทำร้ายร่างกายภรรยาอยู่เป็นนิจโดยในวันเกิดเหตุนั้นผู้เป็นสามีได้เข้ามาหาภรรยาที่บ้านพร้อมกับของเงิน 63 บาทหรือถ้าเป็นเงินของอินโดนีเซียก็ประมาณ 30,000  รูเปียห์

ซึ่งทางด้านพระยานั้นทำให้ทำให้ทั้งคู่นั้นเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันเมื่อสามีไม่ได้เงินจึงได้เดินเข้าไปในครัวแล้วเป็นความมีดปลายแหลมออกมาหวังจะขู่ภรรยาให้เอาเงินมาให้ทางด้านพัทยาเองหลังจากที่เห็นมีดที่สามีนำมาขู่และยังถูกสามีทำร้ายร่างกายทำให้เธอนั้นเกิดการสู้และในที่สุดทางด้านภรรยาก็สามารถที่จะแย่งมีดออกมาจากมือสามีได้เมื่อเธอได้มีดมาเธอก็ต้องเข้าแทงไปที่หน้าอกของสามีทันที

และเมื่อสามีล้มลงเธอก็วิ่งหนีสามีไปที่บ้านของพ่อแม่ของเธอโดยระหว่างนั้นสามีของเธอนั้นยังสามารถลุกขึ้นเดินได้ทั้งยังสามารถวิ่งไปอาละวาดเธอได้อีกด้วยแต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เขาวิ่งเพื่อจะไปทำร้ายภรรยาของเขานั้นก็ทำให้เขาเสียเลือดมากจนในที่สุดญาติพี่น้องของทางด้านสามีจึงได้พาเขานั้นมารักษาบาดแผลแต่เนื่องจากว่าครอบครัวของพวกเขานั้นไม่มีเงินมากนักจึงรักษาบาดแผลกันเองที่บ้านไม่ได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลจนในที่สุดทางด้านสามีก็เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาหลังจากนั้นญาติของสามีจึงได้พาเขาไปที่โรงพยาบาล

และทางโรงพยาบาลจึงได้มีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับสาเหตุของคนเสียชีวิตว่ามีการทำร้ายร่างกายกันและเมื่อเจ้าหน้าที่มาสอบปากคำจึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งทางด้านตัวภรรยาเองตอนนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการถูกควบคุมตัวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป 

        สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถ้ามีการพูดจากันดีๆ ไม่ทำร้ายร่างกายกัน คงไม่มีเหตุฆ่ากันตาย และก็คงไม่มีคนติดคุก 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ยังไง

สาวตายทั้งกลม ที่จังหวัดพิษณุโลก

            เมื่อวันที่ 6 เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2563   ที่จังหวัดพิษณุโลก  ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของตำบล หนองกุลา ได้ประสบกับอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซส์ ชนต้นไม้  เป็นเหตุให้มีคนบาดเจ็บจำนวนหนึ่งคนและเสียชีวิตอีกหนึ่งคน ซึ่งคนที่เสียชีวิตเป็นหญิงสาวอายุ 18 ปีและกำลังตั้งครรภ์  โดยอายุครรภ์ได้ 6 เดือนแล้ว 

        จากเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจในครั้งนี้ เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า เมื่อประมาณวันที่ 3  เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2563   ลูกสาวของเธอชื่อว่า น้องส้ม อายุ 18 ปี ได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ของสามีอายุ 21 ปีออกไปนอกบ้านเพื่อไปเที่ยวงานวัดกัน  โดยวัดดังกล่าวนั้นอยู่ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตเพียงแค่ สามกิโลเมตรเท่านั้น เอง  

        สำหรับวัดที่สองสามี –ภรรยาพากันไปเที่ยวนั้น ชื่อว่าวัด หนองตะเคียน ซึ่งได้มีการจัดงานวัดขึ้น ทั้งคู่จึงได้ชักชวนกันไปเที่ยวงานวัด และเมื่อช่วงกลางดึก ได้มีชาวบ้านมาหาแม่ของผู้ตาย โดยบอกว่ารถจักรยานยนต์ ของน้องส้ม ประสบอุบัติเหตุเสียหลักพุ่งตกข้างทาง รถชนกับต้นไม้ข้างทาง  เธอและสามีจึงได้รีบพากันไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็พบว่าลูกสาวนอนเสียชีวิตคาที อยู่กลางถนน ด้วยสภาพเลือดออกเต็มร่างกายและยังมีแขนขาหักผิดรูป ในขณะที่สามีของน้องส้มผู้ตายนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนและขาหัก มีพลเมืองดีนำตัวส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว 

        และสิ่งที่สร้างความสลดและเศร้าใจอีกอย่างก็คือ น้องส้มที่เสียชีวิตนั้น กำลังตั้งท้อง อยู่ซึ่งในขณะนี้มีอายุครรภ์ได้ 6 เดือนแล้วอีกไม่กี่เดือนเด็กในท้องก็จะคลอดออกมาแล้ว ดังนั้นการเสียชีวิตในครั้งนี้จึงอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการเสียชีวิตแบบตายทั้งกลมอีกทั้งยังตายแบบตายโหงอีกด้วย  และในขณะนี้ทางด้านสามีของน้องส้มที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็ทราบแล้วว่า น้องส้มกับลูกในท้องเสียชีวิต 

        อย่างไรก็ตาม สำหรับการตายของน้องส้มนั้น คนในสมัยโบราณเรียกการตายจากอุบัติเหตุและยังตายในขณะที่ตั้งครรภ์นีว่าเป็นการตายทั้งกลมและยังตายโหง ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าดวงวิญญาณของคนตายจะเฮี้ยนมากๆ และการเผาศพนั้นจะต้องมีการเผาต่างจากศพที่ตายแบบปกติทั่วไป  

        ดังนั้น แม่ของน้องศพ จึงได้ให้ทางโรงพยาบาลช่วยผ่าทอ้งของน้องศพ เอาศพของทารกออกมา เพื่อนำไปฝั่งเสียก่อนแล้วรอให้ครบหนึ่งปีค่อยขุดศพทารกขึ้นมาเผา ส่วนร่างของน้องส้มก็ทำพิธีเผาได้เลย  โดยการทำแบบนี้เชื่อว่าดวงวิญญาณของน้องส้มจะไม่เฮี้ยนนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

ชาวต่างชาติหายตัวออกจากบ้านพบรถเก๋งจอดทิ้งไว้ตรงชายป่า

          เมื่อวันที่ 22 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่จุดสกัดเขาปลาร้าให้เข้ามาตรวจสอบรถยนต์คันหนึ่งซึ่งมีชาวต่างชาตินำมาจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2563 ในช่วงเวลาบ่ายหลังจากนั้นเจ้าของรถเก๋งก็ยังไม่ได้กลับมาเลยซึ่งทางเจ้าหน้าที่จุดตรวจจุดสกัดเขาปลาร้าเกรงว่าเจ้าของรถเก๋งนั้นอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นอะไรก็ได้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงนั้น

ก็ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อหน้านางวันดีเดินทางมาถึงด้วยเช่นกันโดยระบุว่ารถเก๋งคันดังกล่าวนั้นเป็นของสามีของเธอซึ่งเธอตามหาสามีของเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้วโดยสามีของเธอขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ช่วง 9:00 นนำเพียงกระเป๋ายาออกมาติดตัวเท่านั้นในตอนแรกเธอคิดว่าสามีของเธอจะออกมาหาที่พักผ่อนหย่อนใจ

เนื่องจากว่าช่วงนี้สามีของเธอมีอาการเครียดที่ปลูกบ้านแล้วไม่ได้ดั่งใจสามีของเธอนั้นเป็นชาวต่างชาติเดินทางมาอยู่ที่เมืองไทยได้ 5 ปีแล้วก่อนหน้านั้นสามีทำงานขับรถไฟและได้มีโอกาสเห็นรถไฟทับคนเสียชีวิตตายประมาณ 8 ศพทำให้สามีของเธอเครียดจนไม่สามารถทำงานต่อได้จึงได้เดินทางมาอยู่อาศัยที่ประเทศไทยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ซึ่งสามีของเธอนั้นเป็นคนที่เครียดง่ายจึงไม่ได้สงสัยอะไรเมื่อสามีออกจากบ้านแต่หลังจากที่ผ่านไป 1 วันนะไม่สามารถติดต่อสามีได้เธอจึงได้ออกตามหาจนรู้มาว่ามีรถของสามีของเธอมาจอดไว้ที่นี่ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จุดตรวจไม่มีการบอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเมื่อวานนี้ตอนที่ชาวต่างชาตินำรถมาจอดไว้ที่นี่นั้นเขาไม่ได้มาคนเดียวแต่ขับรถเข้ามาพร้อมกับรถกระบะคันหนึ่ง

ซึ่งพวกเขายังลงมาถามทางเจ้าหน้าที่ว่าจะสามารถจอดรถไว้ตรงไหนได้บ้างเพราะจะฝากรถไว้หลังจากนั้นเขาก็เห็นว่ามีหญิงสาววัยรุ่นคนไทย 2 คนตามประกบฝรั่งจำนวน 2 คนให้ถ่ายรูปแล้วก็พากันไปขึ้นรถโดยเขาคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเท่านั้นจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรสวนไทยพัทยาของเจ้าของรถเก๋งนั้นเมื่อคนรถดูแล้ว

ก็พบว่าสร้อยคอทองคำหรือทรัพย์สินอื่นๆภายในรถก็ยังอยู่ดีปกติจะได้ทำการแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อให้ติดตามหาตัวสามีของเธอโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนต่างๆเลยพยายามจะติดตามจากรถกระบะที่มารับสามีของเธอขึ้นรถกระบะไปซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าสามีของเธออาจจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆหรืออาจจะโดนคนร้ายบังคับลักพาตัวไปคงต้องรอติดตามหาเจ้าของรถกระบะให้ได้ก่อน

 

สนับสนุนโดย  ซื้อ หวยออนไลน์ รัฐบาล

เมียกำลังจูบอยู่กับกิ๊กผัวเปิดประตูมาเห็นคาตาใช้ไม้ตีกิ๊กไม่ยั้งจนถึงตาย

          เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์โดยมีชาวบ้านแจ้งเหตุว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งต้องอำเภอโนนดินแดงเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจึงได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุซึ่งบ้านหลังดังกล่าวที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ว่ามีการปลูกหลายห้องติดกันซึ่งห้องที่เกิดเหตุนั้นเป็นห้องที่ 7 เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินไปถึงบริเวณหน้าบ้านก็เห็นว่ามีร่องรอยเลือดเต็มไปหมดทั้งมีรอยเท้าที่เปื้อนเลือดอยู่หลายจุดด้วยกัน

ซึ่งระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านในพื้นที่มามุงดูห้องที่มีคนตายทั้งเป็นจำนวนมากซึ่งจากการสอบถามผู้ที่เห็นเป็นคนแรกนั้นเธอชื่อว่านางมีโดยเธอเป็นเจ้าของห้องดังกล่าวแสดงว่าเมื่อวานนี้เธออยู่ในห้องกับผู้เสียชีวิตซึ่งเธอกับผู้เสียชีวิตนั้นเป็นกิ๊กกันอยู่ในระหว่างที่อยู่ในห้องนั้นเธอทั้งคู่กำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งอยู่ดีๆ

สามีของเธอก็เปิดประตูเข้ามาเห็นซึ่งในขณะนั้นเธอกำลังจูบอยู่กับกิ๊กของเธอก็คือผู้เสียชีวิตทำให้สามีของเธอนั้นไม่พอใจหลังจากนั้นก็นำไม้มาฟาดผู้เสียชีวิตตัวเธอเองนั้นเนื่องจากว่ากลัวว่าจะถูกตีไปด้วยจึงได้หาเสื้อผ้าหลังจากนั้นก็เดินทางไปนอนบ้านเพื่อนและกลับมาตอนรุ่งเช้าเมื่อเปิดประตูเข้ามาเธอก็เจอว่าคิดของเธอนะนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องแต่เธอไม่พบสามีของเธอซึ่งคาดว่าสามีของเธอนั้น

น่าจะเป็นคนที่ฆ่ากิ๊กของเธอตายไปเธอยังบอกอีกว่าเรื่องแค่นี้ไม่ควรจะฆ่ากันเพราะที่จริงแล้วสามีของเธอก็รู้เรื่องมาโดยตลอดว่าเธอกับกิ๊กของเธอนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันมานานเป็นปีแล้วหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับกระแสจะเดินทางไปควบคุมตัวสามีของนางสาวบีชื่อว่านายทองดี

ซึ่งในท้องดีนั้นก็รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือคากิของภรรยาของตนเองจริงโดยเขาบอกว่าเขารู้เรื่องว่าต้องพูดและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเองสักทีแต่ครั้งนี้เขาเปิดประตูไปแล้วเห็นภาพบาดตาทำให้เขาไม่สามารถผ่อนได้จึงได้เผยมือทำร้ายกิ๊กของภรรยาของเขาซึ่งในตอนที่ตีเสร็จแล้วนั้น

เขาไม่รู้ว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตหรือไม่เขาแค่เพียงตีแล้วเขาก็เดินออกมาจึงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเสียชีวิตแต่อย่างไรแล้วเขาก็ยอมรับผิดแต่โดยดีและไม่ขอพาดพิงถึงภรรยาเนื่องจากว่าเขายังรักภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก

 

สนับสนุนโดย  หวยจับยี่กี

ห้ามไม่ฟังจึงต้องห้ามด้วยลูกปืน มีผู้เสียชีวิต 2 คน 

             เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสุรินทร์ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีเหตุยิงกันที่บริเวณร้านเหล้าปั่นแห่งหนึ่งในตลาดปราสาทเมืองใหม่   และเหตุการณ์ยิงกันในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 คนด้วย  ในวันที่เกิดเหตุนั้นตรงกับวันที่ 20 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงรีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุทันทีพร้อมด้วยการติดตามมูลนิธิกู้ภัยไปยังจุดเกิดเหตุด้วย

เมื่อไปถึงได้มีพลเมืองดีแจ้งว่ามีผู้บาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิตโดยมีการส่งตัวผู้บาดเจ็บไปรักษาอาการที่โรงพยาบาล

         สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลตรงกันว่า  ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นเจ้าของร้านเหล้าชื่อว่านายยุทธนาโดยร้านเหล้าปั่นของเขานั้นมีภรรยาคอยดูแลร้านอยู่ซึ่งเขาจะคอยช่วยเหลือภรรยาในการดูแลร้านในช่วงเวลาประมาณ 10:00 น ปรากฏว่ามีลูกค้า 3 คนซึ่งเป็นลูกค้าที่เสียชีวิตมานั่งกินเหล้าอยู่ภายในร้านและหลังจากกินเหล้าจนเมาแล้วก็ไปมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับลูกค้าคนอื่นภายในร้าน  โดยตัวนายยุทธนาเองนั้นได้เป็นคนที่มาคอยห้ามปรามไม่ให้ลูกค้าทะเลาะกัน

        แต่ไม่ว่าจะห้ามอย่างไรทั้งสามคนก็ยังคงหาเรื่องทะเลาะอาละวาดกับลูกค้าคนอื่นทำให้นายยุทธนาเกิดความไม่พอใจจึงได้เดินเข้าไปในร้านพร้อมทั้งอาวุธปืนออกมาขู่ให้ทั้งสามคนอยู่ทะเลาะวิวาทไปทั้งสามคนก็ยังไม่หยุดนายยุทธนาจึงได้ใช้ปืนพกไปที่นายเจริญชัยซึ่งเป็นสาเหตุให้นายเจริญชัยไม่พอใจและหันมาต่อยนายยุทธนา  ดังนั้นนายยุทธนาจึงได้ชักอาวุธปืนยิงไปที่นายเจริญชัยจนเสียชีวิตหลังจากนั้นก็หันไปยิงเพื่อนนายเจริญชัยนัด

                     ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวนั้นชื่อว่านายกิตติศักดิ์เขาร้องขอชีวิตดังนั้นในยุทธนาจึงไม่ได้มีการยิงต่อหลังจากนั้นนายยุทธนาได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งซึ่งมีนายขจรศักดิ์ที่ลงมือก่อเหตุทะเลาะวิวาทภายในร้านได้ขับรถกลับไปที่ปั๊มน้ำมันเบนซินไม่ตามไปหลังจากนั้นก็ปลุกนายขจรศักดิ์ให้ลุกขึ้นมาพูดคุยกันและเกิดทะเลาะกันซึ่งนายยุทธนากล่าวว่าสำหรับตัวนายขจรศักดิ์นั้นมักจะไปกินเหล้าที่ร้านอยู่เป็นประจำและมักจะทะเลาะเบาะแว้งกับลูกค้าภายในร้านรวมถึงตัวนายยุทธนาอยู่เป็นประจำด้วยทำให้ 

              ในช่วงที่ทะเลาะกันนั้นนายยุทธนานึกถึงเรื่องราวที่เคยทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งจึงเกิดบันดาลโทสะขึ้นใช้อาวุธปืนยิงไปที่นายขจรศักดิ์เกือบ 4 นัดด้วยกันจนทำให้นายขจรศักดิ์เสียชีวิตนั่นเอง   และภายหลังที่มีการยิงผู้เสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้วนายยุทธนาจึงได้ขับรถไปที่สถานีตำรวจหลังจากนั้นก็ไปทำการมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเองนั้นได้มีการฆ่าคนตาย

 

สนับสนุนโดย   เว็บหวยถอนไม่มีขั้นต่ำ