ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนที่ดีต้องทำอย่างไร

ลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนที่ดี การที่เราจะลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนที่ดีนั้นไม่ได้ยากเกินไปแน่นอน เพราะว่ายิ่งยุคนี้ สามารถลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนได้ง่ายๆเลยละ เพราะว่าปัจจุบันมีทั้งแอฟ ทั้งข้อมูลในยูทูปก็มีข้อมูลดีๆแนะนำเราเยอะแยะเลย

-โหลดแอฟตัวช่วยคำนวนแคลอรี่ และบันทึการกิน

เพื่อนๆและสาๆว ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนที่ดี ต้องมีแอฟตัวช่วยที่จะช่วยเรื่องการคำนวณแคลอรี่ว่าร่างกายเราควรกินเท่าไรดี กินอะไรได้บ้าง นอกจากแอฟพวกนี้จะช่วยเรื่องคำนวณแคลอรี่ที่เราต้องกินต่อวันแล้ว ยังช่วยเรื่องการการกินด้วยการบันทึกการกินเราไปในตัว

-การวัดสัดส่วนและชั่งน้ำหนัก

เพื่อนๆและสาๆที่อยากผอม ต้องวัดสัดส่วน อย่างต้นแขน ต้นขา อก สะโพก เอว ทุกๆอย่างต่างๆ เพื่อดูผลที่เปลี่ยนแปลงออกไป และหากต้องการจะชั่งน้ำหนักเพื่อวัดมวลกล้ามเนื้อและมวลไขมันได้ด้วยนะ เราควรจะเลือกทำทั้งสองอย่างทั้งวัดสัดส่วนและการชั่งน้ำหนักเพื่อให้เห็นว่าก่อนหรือหลังต่างกันไปขนาดไหน

-การกินอาหารคลีนหรือทำกินเองยิ่งดี

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนีกที่ดีต้องใส่ใจเรื่องการกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารคลีนตามร้านที่มีจำหน่ายก็ได้ ถ้ายิ่งดี ต้องหันมาทำเองเลย    เครื่องช่วยฟัง     ซึ่งการทำอาหารคลีนไม่ได้ยากเลย เพื่อนๆและสาวๆ สามารถลองทำสามารถเรียนรู้จากยูทูปได้เลย เพราะว่ามันทำได้ง่ายๆไม่ยากและจะทำให้เพื่อนๆหันมาสนุกกับการทำอาหารกินเองได้ด้วยนะ

-ไม่กินเครื่องดื่มหวานๆ อาหารมันๆ ทอดๆ 

เพื่อนๆและสาวๆ  ที่อยากจะลดได้ไว ต้องระวังเรื่องการกินมากๆ โดยไม่กินอาหารที่ผ่านการทอดต่างๆ หรืออาหารมันๆ ต่างๆ เพราะว่ามันจะสะสมไขมันไม่ดีให้กับร่างกายได้ง่ายมากๆ และไม่ควรกินเครื่องดื่มหวานๆเพราะแคลอรี่สูงมากๆ หากต้องการลดเลิกกินด่วนๆ

-ดื่มน้ำเปล่า ชาเขียว กาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลช่วยได้

การที่เราจะลดน้ำหนักให้ดีต้องดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ด้วยนะเพราะว่าการดื่มน้ำเปล่าจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น อิ่มเร็ว ถ้ากินก่อนมื้ออาหารนะ และกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดีด้วย หรือหากใครชอบดื่มชา กาแฟ สามารถเลือกกินเป็นชาเขียวไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม หรือ กาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลได้นะ เพราะว่าจะมันจะคลายความหิวระหว่างวันได้ดี และยังช่วยเรื่องการกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีด้วย เพื่อนๆและสาวๆ เห็นแล้วใช่ไหมละ ว่าการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนยุคนี้มันง่ายขึ้นเยอะมีแอฟหรือข้อมูลดีๆ ค่อนให้ช่วยเยอะเลย

แนะนำวิธีการลดน้ำหนักหรือลดไขมัน ด้วยตัวเราเอง

ลดไขมัน ด้วยตัวเราเอง ลดไขมัน ด้วยตัวเราเองทุกคนนน ใครที่คิดว่าการลดน้ำนหนักหรือลดไขมันนั้นยากก มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอกนะ เพื่อนๆ และสาวๆ สามารถลดน้ำหนักหรือลดไขมัน ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ เลย วันนี้เรามีคำแนะนำที่จะช่วยทำให้เพื่อนๆและสาวๆ ลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ง่ายขึ้นละ 

+ตั้งใจ วางเป้าหมาย ให้ชัดเจน

เพื่อนๆและสาวๆ ต้องเริ่มจากการตั้งใจ และวางเป้าหมาย ให้ชัดเจน เหมือนมีหุ่นในฝันว่าเราอยากได้แบบไหน อยากจะทำหุ่นให้เหมือนกับหุ่นไอดอล หรือ ตั้งใจและมีเป้าหมายหุ่นที่ดีในแบบของตัวเองนั้นเอง 

+เริ่มและลงมือทำได้เลย 

เพื่อนๆ และสาวๆ เริ่มลงมือได้เลย โดยเริ่มจากการวัดสัดส่วน ต่างๆ ของร่างกาย ต้นแขน ต้นขา เอว สะโพก น้ำหนัก ต่างๆ จดไว้ได้เลยว่าเราต้นจากตรงไหน และเริ่มลงมือกันได้เลย

+วางแผนการกินในแต่ละวัน

เพื่อนๆและสาวๆ เริ่มต้นการวางแผนการกินได้เลย เพราะว่าการกินอาหารนั้นจะช่วยทำให้เพื่อนๆ และสาวๆ ไม่หลุดโฟกัสในการลดน้ำหนักหรือลดความไขมันนั้นเอง การวางแผนที่ดีก็ต้องเลือกกินอาหารที่ดีด้วยนะ 

+เลือกการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์

การที่เพื่อนๆและสาวๆ จะลดน้ำหนักหรือลดไขมันนั้น ต้องโฟกัส ด้วยการเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อย่าง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จำพวกข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น โปรตีนดี อย่าง อกไก่ ไข่ต้ม เนื้อปลา เป็นต้น ไขมันดี อย่าง อะโวคาโด และถั่วอัลมอนด์ และอย่าลืมกินผักและผลไม้ด้วยนะ 

+ ดื่มน้ำให้มากขึ้น

เพื่อนๆและสาวๆ หันมาดื่มน้ำให้มากๆ สิ เพราะว่าการที่เราดื่มน้ำมากๆ นั้น จะช่วยเร่งการกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราและยังช่วยเรื่องระบบเผาผลาญด้วยนะ นอกจากนี้การดื่มน้ำ แก้วก่อนมื้อหลัก จะช่วยทำให้อิ่มท้องได้เร็วขึ้นด้วยนะ 

+เคลื่อนไหวร่างกายมากๆ หรือ ออกกำลังกาย

เพื่อนๆและสาวๆ คงหนีไม่พ้นการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากๆ เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันละ เพราะฉะนั้นพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้มากๆ นะ แต่หากจะให้ได้ผลแบบเร็วขึ้นไปอีก ก็คือ การออกกำลังกายนั้นเอง 

+พักผ่อนให้มาก 

เพื่อนๆและสาวๆ ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ เพราะว่าการที่เราพักผ่อนเพียงพอจะทำให้เรานั้นสดชื้นและระบบต่างๆของร่างกายก็จะทำงานได้เป็นอย่างดี และยังช่วยไม่หิวจุกจิกด้วยนะ

+อย่ากดดันตัวเองและให้กำลังใจตัวเอง 

เพื่อนๆ และสาวๆ คนไหนที่ลดน้ำหนักและเครียดบ่อยๆ นั้นไม่ดีเลยเพราะว่ามันทำให้ร่างกายเราตึงเครียดและไม่ยอมเผาผลาญไขมันออกไปอีกด้วยนะ ดังนั้นอย่ากดดันเลย ให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

นอนหลับยากแก้ง่ายๆไม่ต้องใช้ยา

นอนหลับยากแก้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ยาเน้นไม่ต้องใช้ยาใช้ยามันง่ายอยู่แล้วไม่ง่วงใช่ไหมกินยาหลับแต่  นอนหลับยากแก้ง่ายๆไม่ต้องใช้ยา     ถามว่าท่านจะต้องกินไปตลอดชีวิตไหมเพราการกินยาทำให้ท่านติดยานอนหลับแล้วเมื่อไหร่ที่ไม่ได้ใช้งานงอกเลยลืมเอายาไปไม่ต้องนอนกันพอดี

เพราะฉะนั้นการนอนได้ด้วยตัวเองคือสุดยอดพร้อมแล้ววันนี้เรามาดูกันว่าวิธีการแก้ไขการนอนหลับยากโยที่ไม่ต้องใช้ยามีอะไรบ้าง

คราวนี้เรามาเจาะลึกประเด็นการนอนหลับยากที่สาเหตุกันก่อนนิดนึงคือถ้าเรารู้สาเหตุเราก็ไปแก้ไขปลายเหตุได้ง่ายถูกไหมถ้าเราไม่รู้สาเหตุเลยเราไปแก้มันก็มั่วซั่วไหมเพราฉะนั้นต้องแก้ที่ต้องเหตุแล้วชีวิตเราจะดี

สาเหตุที่จะทำให้คนในปัจจุบันนอนไม่หลับข้อแรกเลยเราคิดว่าเราทุกคนรู้กันอยู่คือ ความเครียด นั่นเองคือความเครียดมันเป็นอะไรที่มันโรคจิตมากๆเลยเราว่ามันเซงมากๆเลยทุกคนอ่ะเหมือนเวลาเรามีเรื่องเครียดใช่ไหมเราก็มักจะคิดอยู่เรื่องเดิมแล้วมันก็ซ้ำๆวนอยู่เรื่องเดิมเหมือนอเอามีดมาแทงตัวเองซ้ำๆมันก็ยิ่งทำให้เครียดๆ

ซึ่งก็เหมือนบางทีเราคิดไปเยอะๆมันเหมือนมีคนเอาของมารัดหัวภาวะแบบนี้เขาเรียกว่าTension Headacheก็คือภาวะการปวดหัวแบบรอบขมับเลยจากความเครียดนั่นเองเพราะฉะนั้นถ้าเราแก้ไขภาวะหรือสาเหตุนี้ได้ท่านอาจจะนอนหลับดีนอนหลับง่ายขึ้นแล้วก็ได้แต่ความเครียดในปัจจุบันมันแก้ยากเหลือเกินเนอะก็ต้องฝึกฝนพยายามกันไป

ข้อสอง อายุที่มากขึ้น  อายุที่มากขึ้นจะทำให้ท่านนอนหลับยากอันนี้คลาสสิคไปแล้ว    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ   มันเกี่ยวกับทั้งฮอร์โมนเกี่ยวกับทั้งภาวะร่างกายหลายๆอย่าง เพราะฉะนั้นแล้วอายุที่มากขึ้นเป็นปัญหาไหม บอกเป็นแต่ถ้าเกิดท่านปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง

ซึ่งเราจะกล่าวต่อไปในตอนหลังท่านก็จะนอนหลับได้ดีขึ้นอย่างน้อยนอนได้วันละ6-7ชั่วโมงอย่าไปต่ำกว่า6โมงเราว่าโอเคแล้วสำหรับผู้สูงอายุแล้วผู้สูงอายุมักจะนอนเร็วตื่นเช้าก็ไม่ผิดบอกเลยบางคนบอกนอนเร็วแล้วตื่นตี3-4ไม่ได้ผิดอะไรถ้าวันหนึ่งนอนได้ครบไม่มีปัญหา

โดยขอให้ช่วงที่นอนของท่านเป็นเวลา4ทุ่มถึงตี2แล้วก็บวกไปอีก2ชั่วโมงหรือก่อนนั้น2ชั่วโมงเช่นท่านจะนอน2ทุ่มถึงตี4ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรือท่านจะนอน4ทุ่มถึง6โมงเช้าก็โอเคแต่ช่วงเวลาทองนี่คือ4ทุ่มถึงตี2ช่วงนี้โกรทฮอร์โมนหลั่งหลั่งทุกช่วงอายุถ้าท่านได้นอนช่วงนี้นะ

อาหารช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ 

อาหารช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้  ความฝันของใครหลาย ๆ คนนั้นคงอยากที่จะมีเกิดมาแล้วมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ กันอย่างแน่นอน เพราะเนื่องจากว่าในโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยมลพิษ หรือมลภาวะต่าง ๆ มากมายที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันนี้เราจะเห็นคนส่วนใหญ่หันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น

เนื่องจากว่าจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ร่างกายได้นั่นเอง และปัจจุบันนี้การเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกายนั้นก็สามารถทำได้หลากหลายวิธีแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา หรือแม้แต่การเลือกรับประทานอาหารเองก็สามารถช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรงได้

เพราะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายเรานั้นมีคำสำคัญเป็นอย่างมากที่เราควรดูแลเป็นอย่างดี เพราะถ้าเราปล่อยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอก็อาจทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม

สำหรับใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และอยากเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับภูมิคุ้มกันโรค วันนี้เราจะได้มีอาหารดี ๆ ที่สามารถช่วยบำรุงภูมิคุ้มกันร่างกายให้สุขภาพดี และแข็งแรงได้มากยิ่งขึ้น จะมีอาหารประเภทไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย 

รวมเห็ดชนิดต่าง ๆ หลายคนอาจจะมองว่าเห็ดก็เป็นเพียงอาหารธรรมดาชนิดหนึ่งจะสามารถช่วยบำรุงภูมิคุ้มกันเราให้แข็งแรงได้อย่างไร แต่รู้หรือไม่ว่าเห็ดชนิดต่าง ๆ นั้นจะอุดมไปด้วยสารที่สำคัญต่อร่างกายมากมาย เช่น โพลิแซคไรด์ ที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีสารเบต้ากลูแคน ที่สามารถช่วยในการต้านการเกิดมะเร็งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น หากเลือกทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่าจะต้องดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน 

ไขมัน ถึงแม้ว่าจะดูเป็นอาหารประเภทที่สามารถทำให้เราอ้วนได้ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากไขมันที่ไม่ดีแล้ว ก็ยังมีไขมันดี ที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ซึ่งไขมันดี จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนอีกด้วย นอกจากนี้การที่เราเลือกทานไขมันดีเป็นประจำนั้นจะยิ่งช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายของเรานั้นแข็งแรงมากยิ่งขึ้น 

โปรไบโอติกส์ เรียกได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยสามารถหาได้ตามนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เพื่อช่วยในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว เพื่อช่วยในการะบำรุงภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ขอบอกเลยว่าหากทานเป็นประจำนอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกายแล้วนั้น ยังส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกันร่างกายอีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่า

ไวน์หนึ่งแก้วหรือสองแก้วพร้อมมื้ออาหาร

ไวน์หนึ่งแก้วหรือสองแก้วพร้อมมื้ออาหาร อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน2ประเภทได้ การวิจัยเบื้องต้นแนะนำว่าการดื่มไวน์หนึ่งแก้วหรือสองแก้วพร้อมมื้ออาหาร แต่ไม่ใช่ในช่วงเวลาอื่น อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ การค้นพบนี้เพิ่มลงในกลุ่มงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพแม้ว่าจะทำในปริมาณที่พอเหมาะ

แต่ก็อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการเช่นกัน งานวิจัยที่ได้รับการพิจารณาเบื้องต้นจนกว่าจะมีการเผยแพร่การศึกษาฉบับเต็มในวารสาร peer-reviewed ถูกนำเสนอเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมระบาดวิทยาและการป้องกัน ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของ American Heart Association ในเมืองชิคาโก

ผลกระทบของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อสุขภาพได้รับการอธิบายว่าเป็นดาบสองคมเนื่องจากความสามารถในการเจาะลึกในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

เป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์ขึ้นอยู่กับว่าบริโภคอย่างไร ดร. ห่าวหม่าผู้เขียนการศึกษากล่าวใน ข่าวประชาสัมพันธ์ Ma เป็นนักวิเคราะห์ทางชีวสถิติที่ Tulane University Obesity Research Center ในนิวออร์ลีนส์ การศึกษาก่อนหน้านี้มุ่งเน้นไปที่จำนวนคนที่ดื่มและให้ผลลัพธ์ที่หลากหลาย มีการศึกษาน้อยมากที่เน้นรายละเอียดการดื่มอื่นๆ เช่น ระยะเวลาในการดื่มแอลกอฮอล์ 

แม้ว่าการทดลองทางคลินิกบางอย่างแนะนำว่าการดื่มในระดับปานกลาง  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่     อาจช่วยการเผาผลาญกลูโคสได้ แต่ Ma กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าประโยชน์ของการเผาผลาญกลูโคสจะส่งผลให้เบาหวานชนิดที่ 2 ลดลงหรือไม่ ในการศึกษาของเรา เราพยายามที่จะตรวจสอบว่าความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคแอลกอฮอล์กับความเสี่ยงของ เบาหวานชนิดที่ 2 อาจแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการดื่มแอลกอฮอล์ตามมื้ออาหาร

ในการศึกษาครั้งใหม่นี้ นักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ดื่มเพื่อสุขภาพ 312,388 คนจากสหราชอาณาจักร ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 56 ปี หลังจากติดตามผลมาประมาณหนึ่งทศวรรษ ผู้ที่กล่าวว่าดื่มแอลกอฮอล์พร้อมอาหารมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าผู้ที่รายงานว่าดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลารับประทานอาหาร 14%

ประโยชน์ของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างมื้ออาหารนั้นแข็งแกร่งที่สุดสำหรับผู้ที่ดื่มไวน์ อัตราที่ต่ำกว่าของโรคเบาหวานประเภท 2 เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ที่ดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ – มากถึง 14 กรัมแก้วไวน์ – ประมาณ 5 ออนซ์ – สำหรับผู้หญิงและไม่เกินสองแก้ว – ไวน์ประมาณ 10 ออนซ์ – สำหรับผู้ชาย

ความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์กับการพัฒนาโรคเบาหวานประเภท 2 ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ดร.โรเบิร์ต เอช. เอคเคล ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด-เดนเวอร์ กล่าวในการแถลงข่าว ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่แอลกอฮอล์ในมื้ออาหาร แต่เป็นส่วนผสมอื่นๆ ในไวน์ อาจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยในการลดโรคเบาหวานประเภท 2 ที่เริ่มมีอาการใหม่ Eckel อดีตประธาน AHA ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกล่าว การเรียน ในขณะที่จำเป็นต้องมีการกำหนดประเภทของไวน์ สีแดงกับสีขาว

และจำเป็นต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของการค้นพบและกลไกของผลประโยชน์เหล่านี้ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าหากคุณบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมมื้ออาหาร ไวน์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากการศึกษานี้รวมผู้ใหญ่ผิวขาวส่วนใหญ่ที่มีเชื้อสายยุโรป จึงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าการค้นพบนี้จะเหมือนกันในประชากรอื่นๆ หรือไม่

หนึ่งวันในชีวิตของนักศึกษาแพทย์ในประเทศจีน

นักศึกษาแพทย์ในประเทศจีน หนึ่งวันในชีวิตของนักศึกษาแพทย์ในประเทศจีน ในซีรีส์ของเราที่จะพาคุณเข้าสู่ชีวิตของนักศึกษาแพทย์ทั่วโลกโดยไม่ต้องลุกจากเก้าอี้ BMJ Student ได้พูดคุยกับนักศึกษาแพทย์ในจีน ผู้เขียนเกี่ยวกับการศึกษาทางการแพทย์และผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก

นักเรียนหลายพันคนในจีนจึงลงทะเบียนเรียนแพทย์ทุกปี1 ทว่าเส้นทางสู่การแพทย์ของพวกเขาจะไม่เหมือนเดิมทั้งหมด แต่ละโรงเรียนเปิดสอนหลายหลักสูตรตั้งแต่ห้าปี (ปริญญาตรี) ถึงเจ็ดปี (ปริญญาโท) หรือแปดปี (ปริญญาเอก) นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรระดับสูงกว่าปริญญาตรีเพื่อรับปริญญาโทหรือปริญญาเอกหลังจบปริญญาตรี เช่นเดียวกับฉัน

นักเรียนส่วนใหญ่จะผ่านการฝึกอบรมห้าปีและได้รับปริญญาตรีก่อนที่จะสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอาวุโส ปริญญาตรีเกี่ยวข้องกับหลักสูตรทางคลินิกขั้นพื้นฐานสี่ปีตามด้วยการฝึกปฏิบัติในโรงพยาบาลในปีสุดท้าย หลังจากนั้น จำเป็นต้องมีการหมุนเวียนทางคลินิกและตำแหน่งการวิจัยเป็นเวลาหลายปีเพื่อรับปริญญาอาวุโส

ชีวิตในโรงเรียนแพทย์ ในช่วงห้าปีแรกของฉัน เราเรียนหลักสูตรพื้นฐานในห้องเรียนและทำการทดลองในห้องแล็บ บางคนมาพร้อมกับการฝึกภาคปฏิบัติเช่นการผ่าทางกายวิภาค เนื่องจากทรัพยากรจำกัด นักเรียนบางคนต้องเรียนในที่สาธารณะนอกโรงเรียนเมื่อห้องเรียนเต็ม ตัวอย่างอื่นๆ ของทรัพยากรที่มีมากเกินไป ได้แก่ ห้องสมุดขนาดเล็กที่นักเรียนใช้และหอพักที่มีนักเรียนหนาแน่นซึ่งมีนักเรียนแปดถึงสิบคนต่อห้อง เงื่อนไขเหล่านี้เป็นผลมาจากการลงทุนด้านการศึกษาทางการแพทย์ที่จำกัด ทั้งๆ ที่มีนักศึกษาจำนวนมากที่ลงทะเบียนเรียนในแต่ละปี

นอกจากนี้ กลุ่มนักศึกษาจำนวนมากยังหมายถึงระดับการแข่งขันที่สูงมากในหมู่นักศึกษาแพทย์ในจีน โดยมีอัตราการผ่านการสอบเข้าระดับปริญญาเอกและการสอบใบอนุญาตทางการแพทย์ที่ต่ำ ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงต้องเสียสละวันหยุดสุดสัปดาห์บ่อยๆ เพื่อให้ได้คะแนนที่สูงขึ้นและโดดเด่นกว่าเพื่อน ชั่วโมงเรียนทำให้ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนไม่ได้ บางครั้งฉันจึงล้อว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันคือโครงกระดูกในห้องสมุด เพราะฉันเจอเขาทุกวัน

การศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรี การฝึกอบรมในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ของเราเสร็จสิ้นในช่วงปริญญาโท ตรงกันข้ามกับการเรียนห้าปีก่อนหน้านี้ ตอนนี้เราต้องเลือกวิชาเอกเฉพาะและเลือกว่าจะเรียนในระดับคลินิกหรือระดับวิชาการ แม้ว่าทั้งคู่จะมีวุฒิแพทยศาสตรบัณฑิต แต่หลักสูตรแรกนั้นเกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมมาตรฐานบังคับเป็นเวลาสามปีสำหรับผู้อยู่อาศัย

ซึ่งช่วยให้สามารถรวมเข้ากับงานทางคลินิกได้เร็วขึ้นหลังจากสำเร็จการศึกษา ระดับการศึกษามุ่งเน้นไปที่การออกแบบและการดำเนินการวิจัยควบคู่ไปกับการปฏิบัติทางคลินิก ฉันเลือกเรียนวิชาเอกโลหิตวิทยาในเด็ก เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และแพทย์

ทุกวันจันทร์และวันอังคาร ตอนนี้ฉันติดตามพี่เลี้ยงเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมทางคลินิก เราใช้เวลาช่วงเช้าในบริการผู้ป่วยนอก ส่วนเวลาที่เหลือจะเก็บไว้ทำงานวอร์ด ที่นี่ ฉันทำการตรวจเพิ่มเติมของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่เราจะส่งมอบให้กับแพทย์ประจำบ้าน ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เหลือ ฉันจดจ่ออยู่กับการค้นคว้า การสื่อสารกับผู้ป่วย เก็บตัวอย่างเลือด

และทำการทดลองในห้องปฏิบัติการใช้เวลาส่วนใหญ่ของฉัน การมีเวลา 2 วันสำหรับบริการทางคลินิกและ 3 วันสำหรับการวิจัยทำให้ฉันสามารถรักษาสมดุลของความสนใจทั้งสองได้เป็นอย่างดี แม้ว่างานจะมีความต้องการสูง แต่ฉันให้ความสำคัญกับโครงสร้างนี้เพราะฉันเชื่อว่าโครงสร้างนี้ให้การฝึกอบรมที่ครอบคลุมมากขึ้น

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

ขั้นตอนการวิเคราะห์การรับประทานอาหาร

รูปภาพอาหารและคำอธิบายของส่วนประกอบหลักที่ผู้เข้าร่วมจัดเตรียมให้ในภายหลังได้รับการเข้ารหัสโดยผู้ประเมินอิสระและผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว ตามคู่มือมาตรฐาน ผู้ประเมินได้เพิ่มส่วนประกอบเพิ่มเติมที่แสดงในภาพลงในคำอธิบาย อาหารที่บริโภคทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 14 หมวดหมู่อาหารที่แตกต่างกัน

ซึ่งได้มาจากระบบการจำแนกอาหารที่ออกแบบโดยสมาคมโภชนาการแห่งเยอรมัน (DGE) และตามหมวดหมู่อาหารที่มีอยู่ของฐานข้อมูลสารอาหารของเยอรมัน (Max Rubner Institut) ไม่ได้ประเมินปริมาณของเหลวและวิธีการเตรียมการ ดังนั้นไขมันและส่วนผสมในสูตรเพิ่มเติมจึงไม่รวมอยู่ในการวิเคราะห์เพิ่มเติม เนื่องจากไม่ได้แสดงถึงองค์ประกอบหลักของการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสารเติมแต่งรสเค็มลงในการจัดหมวดหมู่

ไม่มีผู้เข้าร่วมหลุดออกหรือต้องได้รับการยกเว้นเนื่องจากอัตราการขาดหายไปสูง ค่าที่หายไปต่ำกว่า 5% สำหรับตัวแปรทั้งหมด อัตราการปฏิบัติตามในระดับมื้ออาหารไม่สามารถประเมินได้โดยตรง เนื่องจากจำนวนอาหารและของว่างอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล (ระหว่างวัน)

จากการประมาณการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์คร่าวๆ จำนวนอาหารที่คาดหวังจากมุมมอง “เชิงบรรทัดฐาน” ในช่วงแปดวันที่สังเกตสามารถใช้เป็นมาตรฐานเปรียบเทียบได้ (8 x อาหารเช้า, 8 × อาหารกลางวัน, 8 × อาหารค่ำ = 24 มื้อ) โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้เข้าร่วมรายงานอาหารเช้า M = 6.3 มื้อ (SD = 2.3), M = 5.3 อาหารกลางวัน (SD = 1.8) และ M = 6.5 อาหารเย็น (SD = 2.0) เมื่อเปรียบเทียบกับ “กฎเกณฑ์” ที่คาดไว้ 24 มื้อ

ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ดี (ประมาณ 75%) โดยมีแนวโน้มที่จะพลาดมื้ออาหารหกมื้อระหว่างช่วงการศึกษา (ประมาณ 25%) อย่างไรก็ตาม “กฎเกณฑ์” ที่คาดไว้ 24 มื้อสำหรับช่วงการศึกษาอาจสูงเกินไป เนื่องจากผู้เข้าร่วมอาจข้ามมื้ออาหารด้วย (เช่น อาหารเช้า) นอกจากนี้ อัตราความสอดคล้องในปัจจุบันยังเทียบได้กับการศึกษาอื่นๆ ตัวอย่างเช่น Elliston et al.36 บันทึกรายงานอาหาร/อาหารว่าง 3.3 ฉบับต่อวันในกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ชาวออสเตรเลีย

และ Casperson et al.37 บันทึกรายงานอาหาร 2.2 ฉบับต่อวันในกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่น ในการศึกษานี้ โดยเฉลี่ย M = 3.4 (SD = 1.35) มื้ออาหารหรือของว่างได้รับรายงานต่อวัน ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่าโดยรวมแล้วเป็นอัตราที่น่าพอใจ และไม่ได้ระบุการรายงานแบบคัดเลือกสำหรับรายการอาหารบางรายการ

ในการแสดงข้อมูลเป็นภาพกราฟิก มีการใช้ Tableau (เวอร์ชัน 10.1) และสำหรับการวิเคราะห์ทางสถิติเพิ่มเติม IBM SPSS Statistics การวิเคราะห์เหล่านี้นั้นจะสามารถช่วยในเรื่องของการควบคุมการรับประทานอาหารทำให้ผู้บริโภคที่ใช้การคำนวณนี้นั้นมีการรับประทานอาหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การรับประทานอาหารที่ได้ประสิทธิภาพนั้นจะช่วยส่งผลทำให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสารอาหารและการรับประทานอาหารที่ดีและถูกต้อง นั่นหมายความว่าเราจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์นั้นอาจจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยากและมีความซับซ้อนและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์อย่างจริงจังรวมทั้งตัวผู้บริโภคเองนั้นก็จะต้องมีความจริงจังและเข้มงวดด้วย

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังโรงพยาบาลรัฐ

ใช้ความบันเทิงเพื่อพัฒนาไลฟ์สไตล์และสุขภาพ

การปรับปรุงวิถีชีวิตของผู้คนเป็นหนึ่งในความคิดริเริ่มที่สำคัญที่สุดของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ1

อย่างไรก็ตาม 80% ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง เนื่องจากทรัพยากรในการดำเนินการตามมาตรการการดำเนินชีวิตที่มีสุขภาพดี มีจำกัด

แบบสื่อมักจะมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจส่งผลเสียต่อวัยรุ่นที่ต่อต้านข้อความ ทางเลือกที่คุ้มค่าที่เป็นไปได้คือการใช้สื่อกีฬาและความบันเทิงเป็นแพลตฟอร์มในการโน้มน้าวผู้คนให้มีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น

ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของการแทรกแซงวิถีชีวิตมวลชนคือแคมเปญ Quit Smoking with Barca 

ซึ่งโน้มน้าวให้ชาวยุโรปจำนวน 70,000 คนเลิกสูบบุหรี่ ประสิทธิภาพของการเล่าเรื่องเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่สำคัญได้รับการทดสอบด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นภาพยนตร์ที่เผยแพร่ในหมู่บ้านต่างๆ ของแอฟริกาตะวันออกเพื่อปลุกจิตสำนึกเรื่องการตัดอวัยวะเพศหญิงทัศนคติที่ดีขึ้นเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่เจียระไน

เราตั้งสมมติฐานว่าการเล่าเรื่องในซีรีส์ทางโทรทัศน์อาจช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี เพื่อทดสอบสมมติฐานนี้ เราได้พัฒนาโครงเรื่องย่อยสำหรับ SpangaS ซึ่งเป็นละครโทรทัศน์ประจำวันของเนเธอร์แลนด์ที่มุ่งเป้าไปที่คนหนุ่มสาว เราแนะนำตัวละครที่มีน้ำหนักเกินและไม่แข็งแรงในฤดูกาลที่ 11 เมื่อพ่อของตัวละครตัวนี้มีอาการหัวใจวาย เขาตระหนักถึงอันตรายของวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพและเปลี่ยนนิสัยของเขา ผู้ชมรายการรายวัน 200,000 คนไม่ได้รับคำเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการแทรกแซง

ในการวัดปฏิกิริยาต่อเนื้อเรื่องนี้และความตระหนักของผู้ชม เราใช้วิธีการหาปริมาณแบบใหม่ของโซเชียลมีเดียเพื่อวัดทวีต โพสต์ หรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับคำหลักที่กำหนดไว้ล่วงหน้า รวมถึง น้ำหนัก โรคเบาหวาน การออกกำลังกาย ผลไม้ ผัก และวิถีชีวิต ข้อมูลที่คล้ายคลึงกันที่รวบรวมระหว่างฤดูกาลที่สิบของ SpangaS ทำหน้าที่เป็นข้อมูลควบคุม

สำหรับข้อดีของการทำการทดลองในภาษาดัตช์คืออิทธิพลจำกัดอยู่ที่เนเธอร์แลนด์และแฟลนเดอร์ส เบลเยียม ในช่วงฤดูกาลที่ 11 ของ Spangas เราตรวจพบการโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างมากที่เกี่ยวข้องกับคำหลักที่กำหนดไว้ล่วงหน้าทั้งหมดหลังจากตอนที่ตัวละครได้รับแรงบันดาลใจให้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา ไม่พบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในช่วงฤดูที่สิบ การค้นพบนี้สนับสนุนอิทธิพลของสื่อบันเทิงที่มีต่อไลฟ์สไตล์

เรากำลังพัฒนาภาพยนตร์จากซีซั่นที่ 11 ของ Spangas ซึ่งจะจัดจำหน่ายในโรงเรียน 6,000 แห่งทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์ โรงเรียนเหล่านี้จะถูกสุ่มให้ชมภาพยนตร์โดยมีและไม่มีข้อความเกี่ยวกับสุขภาพ ผู้เข้าร่วมทุกคนจะมีส่วนร่วมในการสำรวจวิถีชีวิตก่อนการแทรกแซงและหลังการแทรกแซง

วงการบันเทิงและวงการแพทย์ควรทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงสุขภาพของบุคคล สื่อบันเทิงสามารถใช้เป็นเครื่องมือที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและช่วยจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคไม่ติดต่อโดยเฉพาะใน LMICsด้วย

 

สนับสนุนโดย.    หูตึงรักษา

คุณต้องการน้ำมากแค่ไหน

คุณต้องการน้ำมากแค่ไหน ปริมาณน้ำที่คุณต้องการขึ้นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่างและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล สำหรับผู้ใหญ่ คำแนะนำทั่วไปจาก The U.S. National Academies of Sciences, Engineering and Medicine

เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผู้หญิง 11.5 ถ้วย (2.7 ลิตร) ต่อวัน 15.5 ถ้วย (3.7 ลิตร) ต่อวันสำหรับผู้ชาย ซึ่งรวมถึงของเหลวจากน้ำ เครื่องดื่ม เช่น ชาและน้ำผลไม้ และจากอาหาร คุณได้รับน้ำเฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต์จากอาหารที่คุณกิน 

คุณอาจต้องการน้ำมากกว่าคนอื่น ปริมาณน้ำที่คุณต้องการยังขึ้นอยู่กับ คุณอาศัยอยู่ที่ไหน คุณจะต้องใช้น้ำมากขึ้นในบริเวณที่ร้อน ชื้น หรือแห้ง คุณจะต้องใช้น้ำมากขึ้นหากคุณอาศัยอยู่ในภูเขาหรืออยู่บนที่สูง อาหารของคุณ

หากคุณดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นๆ เป็นจำนวนมาก คุณอาจสูญเสียน้ำมากขึ้นจากการถ่ายปัสสาวะ คุณอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นด้วยหากอาหารของคุณมีรสเค็ม เผ็ด หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือจำเป็นต้องใช้น้ำมากขึ้นถ้าคุณไม่กินอาหารที่ให้ความชุ่มชื่นซึ่งมีน้ำสูง เช่น ผลไม้และผักสดหรือสุก อุณหภูมิหรือฤดูกาล คุณอาจต้องการน้ำมากขึ้นในเดือนที่อากาศอบอุ่นกว่าน้ำที่เย็นกว่าเนื่องจากเหงื่อออก

สภาพแวดล้อมของคุณ หากคุณใช้เวลากลางแจ้งมากขึ้นท่ามกลางแสงแดดหรืออุณหภูมิที่ร้อนจัด หรือในห้องที่มีความร้อนสูง คุณอาจรู้สึกกระหายน้ำเร็วขึ้น คุณกระตือรือร้นแค่ไหน หากคุณเคลื่อนไหวในระหว่างวันหรือเดินหรือยืนมาก คุณจะต้องการน้ำมากกว่าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ หากคุณออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เข้มข้น คุณจะต้องดื่มมากขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ สุขภาพของคุณ หากคุณมีการติดเชื้อหรือมีไข้ หรือหากคุณสูญเสียของเหลวจากการอาเจียนหรือท้องเสีย คุณจะต้องดื่มน้ำให้มากขึ้น หากคุณมีภาวะสุขภาพเช่นโรคเบาหวาน คุณจะต้องการน้ำมากขึ้น ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ อาจทำให้คุณสูญเสียน้ำได้

ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร. หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมลูก คุณจะต้องดื่มน้ำเพิ่มเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ ร่างกายของคุณกำลังทำงานสำหรับสองคน (หรือมากกว่า) หลังจากทั้งหมด การดื่มน้ำส่งผลต่อระดับพลังงานและการทำงานของสมองหรือไม่ หลายคนอ้างว่าถ้าคุณไม่ดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน ระดับพลังงานและการทำงานของสมองจะเริ่มลดลง

มีการศึกษามากมายที่สนับสนุนเรื่องนี้ การศึกษาหนึ่งในผู้หญิงพบว่าการสูญเสียของเหลว 1.36 เปอร์เซ็นต์หลังออกกำลังกายทำให้อารมณ์และสมาธิลดลง และเพิ่มความถี่ในการปวดหัว  การศึกษาอื่นในประเทศจีนที่ติดตามชาย 12 คนในมหาวิทยาลัยพบว่าการไม่ดื่มน้ำเป็นเวลา 36 ชั่วโมงมีผลต่อความเหนื่อยล้า สมาธิและสมาธิ ความเร็วในการตอบสนอง และความจำระยะสั้น 

อย่างเห็นได้ชัด แม้แต่การขาดน้ำเล็กน้อยก็สามารถลดสมรรถภาพทางกายได้ การศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับชายสูงอายุที่มีสุขภาพดีรายงานว่าการสูญเสียน้ำในร่างกายเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ลดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ พลังและความอดทน การสูญเสียน้ำหนักตัว 1 เปอร์เซ็นต์อาจดูเหมือนไม่มาก แต่จำเป็นต้องสูญเสียน้ำในปริมาณมาก สิ่งนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณมีเหงื่อออกมากหรืออยู่ในห้องที่อบอุ่นมาก และดื่มน้ำไม่เพียงพอ

 

สนับสนุนโดย.  เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

อาหารขยะของวัยรุ่นทำให้เขาตาบอด

แพทย์กล่าว วัยรุ่นที่ไม่กินอะไรเลยนอกจากของทอด มันฝรั่งทอด และอาหารขยะอื่นๆ

อาหารขยะของวัยรุ่น เป็นเวลาหลายปีก็ค่อยๆ ตาบอดเนื่องจากอาหารที่ไม่ดีของเขา ตามรายงานใหม่ของคดีนี้ กรณีนี้เน้นให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่อาจไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับอาหารที่ไม่ดี: นอกเหนือจากการเชื่อมโยงกับโรคอ้วน โรคหัวใจ และมะเร็งแล้ว พวกเขายัง “ยังสามารถทำลายระบบประสาทอย่างถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมองเห็น” ตามรายงานที่ตีพิมพ์ในวันนี้ (7 ก.ย.) 2) ในวารสาร Annals of Internal Medicine

ปัญหาของวัยรุ่นเริ่มต้นเมื่ออายุ 14 ปี เมื่อเขาไปที่คลินิกโดยบ่นว่าเหนื่อย อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุได้ 15 ปี เขาได้พัฒนาการสูญเสียการได้ยินและปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น แต่ดูเหมือนแพทย์จะไม่พบสาเหตุ ผลลัพธ์จากการตรวจ MRI และการตรวจตาเป็นเรื่องปกติ ในอีกสองปีข้างหน้า วิสัยทัศน์ของวัยรุ่นก็แย่ลงเรื่อยๆ เมื่อเด็กชายอายุ 17 ปี การทดสอบสายตาพบว่าสายตาทั้งสองข้างของเขามี 20/200 ระดับ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่จะ “ตาบอดอย่างถูกกฎหมาย” ในสหรัฐอเมริกา

การทดสอบเพิ่มเติมแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นรายนี้สร้างความเสียหายให้กับเส้นประสาทตา ซึ่งเป็นมัดของเส้นใยประสาทที่เชื่อมด้านหลังของตากับสมอง นอกจากนี้ วัยรุ่นยังมีระดับวิตามินบี 12 ต่ำ ทองแดง ซีลีเนียม และวิตามินดีในระดับต่ำข้อบกพร่องเหล่านี้กระตุ้นให้แพทย์ถามวัยรุ่นเกี่ยวกับอาหารที่เขากิน “ผู้ป่วยสารภาพว่าตั้งแต่เรียนประถม

เขาจะไม่กินอาหารบางอย่าง” ผู้เขียนจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ในสหราชอาณาจักร เขียนในรายงาน เขาบอกกับแพทย์ว่าสิ่งเดียวที่เขากินคือมันฝรั่งทอด มันฝรั่งทอด โดยเฉพาะพริงเกิลส์ ขนมปังขาว แฮมสไลด์ และไส้กรอก

หลังจากวินิจฉัยสาเหตุที่เป็นไปได้อื่นๆ ที่ทำให้สูญเสียการมองเห็น เด็กวัยรุ่นได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเส้นประสาทตาเสื่อมทางโภชนาการ หรือความเสียหายต่อเส้นประสาทตาซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสารอาหาร ภาวะนี้อาจเกิดจากยา การดูดซึมอาหารไม่ดี การรับประทานอาหารที่ไม่ดี หรือการใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิด “สาเหตุจากอาหารล้วนๆ หาได้ยากในประเทศที่พัฒนาแล้ว” ผู้เขียนกล่าว เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวิตามินบีมีความจำเป็นต่อปฏิกิริยาของเซลล์หลายอย่าง และการขาดวิตามินเหล่านี้สามารถนำไปสู่การสะสมของผลพลอยได้ที่เป็นพิษจากการเผาผลาญ และในที่สุดก็นำไปสู่ความเสียหายของเซลล์ประสาท ตามที่มหาวิทยาลัยไอโอวา

การสูญเสียการมองเห็นจากโรคเส้นประสาทตาทางโภชนาการสามารถย้อนกลับได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่เด็กวัยรุ่นได้รับการวินิจฉัย การสูญเสียการมองเห็นของเขาก็เป็นไปอย่างถาวร ดร.เดนิซ เอตัน หัวหน้าทีมวิจัย ที่ปรึกษาอาวุโสด้านจักษุวิทยาที่โรงเรียนแพทย์บริสตอลและโรงพยาบาลตาบริสตอล กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้น การสวมแว่นไม่ได้ช่วยให้การมองเห็นของวัยรุ่นดีขึ้น เพราะความเสียหายต่อเส้นประสาทตาไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเลนส์ วัยรุ่นได้รับอาหารเสริมซึ่งป้องกันไม่ให้การสูญเสียการมองเห็นของเขาแย่ลง

วัยรุ่นยังถูกเรียกตัวไปบริการสุขภาพจิตสำหรับความผิดปกติของการกิน นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าอาหารของวัยรุ่นเป็นมากกว่า “การรับประทานอาหารที่จู้จี้จุกจิก” เพราะมันจำกัดมากและทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารหลายอย่างการวินิจฉัยที่ค่อนข้างใหม่ที่เรียกว่า “ความผิดปกติในการหลีกเลี่ยงอาหารจำกัด”

(ก่อนหน้านี้เรียกว่า “ความผิดปกติของการรับประทานอาหารที่เลือก”) เกี่ยวข้องกับการขาดความสนใจในอาหารหรือการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีพื้นผิว สี ฯลฯ บางอย่าง โดยไม่คำนึงถึงน้ำหนักตัวหรือ รูปร่าง. ภาวะนี้มักเริ่มต้นในวัยเด็ก และผู้ป่วยมักมีดัชนีมวลกายปกติ (BMI) เช่นเดียวกับผู้ป่วยรายนี้ ผู้เขียนกล่าว

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟังยี่ห้อไหนดี